"จากประสบการณ์ที่มีมา 47 ปี บริษัทฯ ไม่เคยได้รับการขาดทุน โดยดูได้จากผลประกอบการที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทมีสินทรัพย์มูลค่า 658.3 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สิน 122.8% กำไรขั้นต้น 109.5 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 8.1 พันล้านบาท อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้รับการจัดอันดับความหน้าเชื่อถือจาก S&P อยู่ในอันดับ A+ และจาก Moody's อยู่ในอันดับ A1" รองประธานฝ่ายธุรกิจต่างประเทศฯ กล่าว
ส่วนที่กล่าวหาว่า การก่อสร้างเขื่อนไม่ได้อยู่ในขอบเขตการดำเนินงานของบริษัทฯ ขอชี้แจงว่า การดำเนินการก่อสร้างของบริษัทฯ เป็นไปอย่างถูกต้องตาม พ.ร.บ.ของประเทศเกาหลีใต้กำหนดไว้ทุกประการ
ข้อกล่าวหาว่าบริษัทฯ มีความพยายามที่จะขยายงานเพิ่มเติมในส่วนต่างๆ ทั้งที่การดำเนินงานได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ขอชี้แจงว่าบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของสาธารณรัฐเกาหลีในการป้องกันความเสียหายจากเหตุอุทกภัย ฉะนั้นหากส่วนใดที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมและเสริมสร้างความมั่นคงของโครงการ ทางบริษัทฯ มีหน้าที่รับผิดชอบ
รองประธานฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ ปฏิเสธว่า บริษัทฯ ไม่ได้บิดเบือนขัอเท็จจริงในการดำเนินงานโครงการทำให้เกิดการทำลายสิ่งแวดล้อมและความขัดแย้งทางสังคม บริษัทฯ ดำเนินงานด้วยความโปร่งใสอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้องและได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วนในทุกขั้นตอนตั้งแต่การวางแผน การวิเคราะห์ การออกแบบ จนถึงการก่อสร้าง
อีกทั้งบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับกระบวนการทางกฎหมาย เช่น การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วมของประชาชน ในการดำเนินงานโครงสร้างฟื้นฟูแม่น้ำ 4 สายหลัก โดยได้ดำเนินงานตามขั้นตอนทางกฎหมายทุกประการ เนื่องจากเป็นรัฐวิสาหกิจ รวมถึงเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายและทำประชาพิจารณ์
ส่วนปัญหาการเจริญเติบโตและการเพิ่มขึ้นของสาหร่ายเป็นผลจากโครงการฟื้นฟูแม่น้ำ 4 สาย รวมไปถึงข้อผิดพลาดเชิงโครงสร้าง ซึ่งการเจริญเติบโตของสาหร่ายนั้นเป็นผลจากปริมาณของธาตุอาหาร ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ และปัญหารอยแตกขนาดเล็กและการรั่วของน้ำนั้นได้รับการแก้ไขเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
สำหรับการจัดทำรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการก่อสร้างทางน้ำคยอง อิน อารา ความยาว 18 กิโลเมตร โดยใช้ข้อมูลเท็จ และทางน้ำดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของรัฐบาลในด้านการคมนาคมขนส่งได้ โดยบริษัทฯ มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญการก่อสร้างทางผันน้ำหลากมาจำนวน 29 แห่งทั่วประเทศในเกาหลี เพื่อรับมือกับอุทกภัยร้ายแรง ซึ่งบริษัทก็ได้มีการจัดทำการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการลดความเสียหายจากเหตุอุทกภัยทุกครั้ง ก่อนเริ่มทำการก่อสร้างโครงการ ทั้งนี้บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จของนักเคลีอนไหวทางสิ่งแวดล้อมจะไม่ทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนไทย และความตั้งใจของบริษัทฯ ที่จะดำเนินโครงการนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากทุกภาคส่วนเพื่อให้โครงการนี้ สามารถเดินหน้าต่อไปได้
"บริษัทมีความกังวลต่อข่าวลือเป็นอย่างมาก และหวังว่าจะไม่กระทบต่อความยุติธรรมของไทย ซึ่งทางบริษัทมีความกังวลต่อข่าวลือเป็นอย่างมาก และหวังว่าจะไม่กระทบต่อความยุติธรรมของไทย ซึ่งทาง K-Water มีความตั้งใจที่จะดำเนินการโครงการนี้โดยไม่หวังกำไร รวมถึงต้องการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศเกาหลี ทั้งนี้ยอมรับว่าทุกโครงการที่เกี่ยวกับสาธารณูปโภคมักถูกต่อต้านแม้เป็นประโยชน์ต่อคนส่วนรวมก็ตาม และทางบริษัทฯ พร้อมรับฟังทุกความเห็นเพื่อนำมาพัฒนางาน และยืนยันว่าไม่สนับสนุนการบิดเบือนข้อเท็จจริงต่างๆ" รองประธานฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางรัฐบาลเกาหลี และบริษัท K-Water เตรียมจะดำเนินการตามกฎหมายกับนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมคนดังกล่าวทั้งในประเทศไทยและประเทศเกาหลี
ด้านนายมณฑล ภาณุโภคิน กล่าวว่า หลังจากนี้แม้ว่าการเซ็นสัญญาจะถูกชะลอออกไปเนื่องจากมีคำสั่งศาลปกครองออกมาว่าจะต้องมีการทำประชาพิจารณ์ก่อน แต่ทางบริษัทฯ จะยังไม่ดำเนินการใดๆ จนกว่าจะได้รับความชัดเจนจากรัฐบาลไทย รวมถึงจะต้องดูว่าสัญญาเป็นไปในลักษณะใดสามารถยอมรับเงื่อนไขได้หรือไม่ ซึ่งหากว่าไม่สามารถตกลงกันในเรื่องสัญญาได้ก็จะต้องให้ทางอัยการตีความสัญญาอีกครั้งหนึ่ง
"บริษัทฯ ยังไม่ทราบว่าหลังจากนี้จะต้องดำเนินการอย่างไร ซึ่งต้องรอคำชี้แจงของรัฐบาลไทยว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่การดำเนินงานโครงการน้ำนั้น บริษัทฯก็พร้อมที่จะดำเนินการทันที โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการเซ็นสัญญาแล้ว" นายมณพล กล่าว