สาธารณสุข เดินหน้าสกัดโรคไข้เลือดออกหลังยอดผู้ป่วยปีนี้พุ่ง 3 เท่าตัว ดับ 73 ราย

ข่าวทั่วไป Thursday July 18, 2013 12:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รมว.สาธารณสุข(สธ.) ขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกำจัดลูกน้ำยุงลายในบ้าน ชุมชน โรงเรียนทุก 7 วัน พร้อมกำชับมิสเตอร์ไข้เลือดออก และ อสม.ทั่วประเทศ ควบคุมป้องกันโรคไข้เลือดออกในพื้นที่อย่างเข้มงวด หลังพบในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาทั่วประเทศป่วยเพิ่ม 6,013 ราย ยอดผู้ป่วยสะสมสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 3 เท่าตัว เสียชีวิตแล้ว 73 ราย

"ช่วงเดือนนี้ไปจนเดือนสิงหาคมจะเป็นช่วงที่มีจำนวนยุงลายมากเนื่องจากฝนตกชุก ความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคไข้เลือดออกยังไม่ลดลงหากการป้องกันควบคุมโรคไม่ดีพอ" นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สธ.กล่าว

สำหรับมาตรการที่ สธ.เน้นหนักขณะนี้ 2 เรื่อง คือ การป้องกันการป่วย และการป้องกันการเสียชีวิต โดยได้ให้ส่วนกลาง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่งตั้งวอร์รูม และมิสเตอร์ไข้เลือดออก ติดตามกำกับการควบคุมป้องกันโรคนี้ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และให้อาสาสมัครสาธารณสุขที่กระจายทั่วประเทศหมู่บ้านละ 10-15 คน เป็นแกนนำป้องกันควบคุมโรคในหมู่บ้าน ให้ความรู้ประชาชน ค้นหาผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก เพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องทันท่วงที โดยหากพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกให้ส่งทีมเคลื่อนที่เร็วเข้าควบคุมการแพร่ระบาดของโรคภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มซ้ำในพื้นที่เดิม พร้อมทั้งขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชน ร่วมกันทำลายยุงลายทั้งในบ้าน ชุมชน โรงเรียนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโรงเรียนได้ขอให้นักเรียนเป็นแกนนำรณรงค์กำจัดยุงลายทั้งที่โรงเรียน ที่บ้าน และชุมชนอย่างต่อเนื่องทุก 7 วัน เพื่อลดปริมาณยุงลายให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะเป็นมาตรการป้องกันโรคที่ได้ผลที่สุด เนื่องจากยุงลายเป็นตัวการแพร่เชื้อโรคนี้

สำหรับการรักษาได้อบรมพัฒนาความรู้เพิ่มทักษะแพทย์ที่รักษาเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งภาครัฐและเอกชน ในการตรวจวินิจฉัยและการรักษาอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะแพทย์จบใหม่ สามารถให้การรักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นมาตรฐานเดียวกันและช่วยรักษาชีวิตผู้ป่วยไว้ได้มากที่สุด โดยผู้ป่วยขณะนี้พบได้ทุกวัย และสาเหตุการเสียชีวิตส่วนหนึ่งเกิดจากผู้ป่วยมาถึงมือแพทย์เมื่ออาการหนักมากแล้ว จึงขอย้ำเตือนประชาชน หากมีไข้สูงขอให้คิดถึงโรคไข้เลือดออกไว้ก่อน ลักษณะสำคัญของโรคนี้ จะมีไข้สูงเฉียบพลัน และไข้มักจะไม่ลง หลังเช็ดตัวหรือให้กินยาลดไข้ ใบหน้ามีสีแดง มีจุดสีแดงตามผิวหนัง ปวดศีรษะ หากมีอาการที่กล่าวมาและไม่ดีขึ้นใน 2 วัน ขอให้พาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล เพื่อตรวจวินิจฉัย ให้คำแนะนำในการดูแลอย่างถูกต้อง ช่วงที่ต้องดูแลใกล้ชิดคือช่วงที่ไข้ลด หากผู้ป่วยมีอาการแจ่มใส สดชื่นขึ้น แสดงว่าหายป่วย แต่หากหลังไข้ลงแล้ว ผู้ป่วยมีอาการซึมลง อ่อนเพลีย ไม่พูดคุย หรือมีเลือดกำเดาออก หรือเลือดออกตามไรฟัน หรือถ่ายอุจาระสีดำ อาการเหล่านี้ แสดงว่าผู้ป่วยกำลังจะเข้าสู่อาการซ็อคต้องรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็ว หากช้าอาจเสียชีวิตได้ ทั้งนี้อาการไข้เลือดออกในเด็ก อาจจะมีเพียงไข้และมีผื่น ส่วนในผู้ใหญ่อาจมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดกระบอกตา ปวดกล้ามเนื้อ

ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. กล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกในปีนี้สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปี 2555 ประมาณ 3 เท่าตัว ในช่วงวันที่ 9-16 กรกฎาคม 2556 หรือช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพบผู้ป่วย 6,013 ราย เสียชีวิต 2 ราย รวมผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.-16 ก.ค.56 มีทั้งหมด 73,902 ราย เสียชีวิต 73 ราย คิดเป็นอัตราป่วยตายร้อยละ 0.10 พบผู้ป่วยและเสียชีวิตสูงสุดในกลุ่มอายุ 15-24 ปี ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักเรียน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ