ส่วนของการป้องกันอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นนั้น ผบ.ทร.ได้สั่งการให้กรมอู่ทหารเรือจัดเตรียมเครื่องผลักดันน้ำ และนำไปติดตั้งตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย(กบอ.) ขอรับการสนับสนุนจำนวน 24 เครื่อง
ขณะเดียวกันได้จัดกำลังพลเฝ้าประจำตามจุดต่างๆ จำนวน 10 จุด ดังนี้ จังหวัดปราจีนบุรี 2 จุด จำนวน 8 เครื่อง แยกเป็นตำบลบางแตน อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี จำนวน 5 เครื่อง, ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี จำนวน 3 เครื่อง
ส่วนในพื้นที่ กทม.ได้แก่ คลองบางเขน 6 จุด จำนวน 12 เครื่อง แยกเป็นบริเวณติดถนนวิภาวดี(ฝั่งตะวันตก) จำนวน 2 เครื่อง, บริเวณติดถนนวิภาวดี(ฝั่งตะวันออก) จำนวน 2 เครื่อง, บริเวณติดคลองเปรมประชากร จำนวน 2 เครื่อง, บริเวณติดคลองประปา(ฝั่งตะวันออก) จำนวน 2 เครื่อง, บริเวณติดคลองประปา(ฝั่งตะวันตก) จำนวน 2 เครื่อง, บริเวณใต้ทางด่วนขั้นที่ 2 จำนวน 2 เครื่อง, บริเวณคลองทวีวัฒนา 1 จุด, บริเวณสะพานถนนเพชรเกษม จำนวน 2 เครื่อง, คลองพระยาราชมนตรี 1 จุด, บริเวณวัดนิมานรดี ติดคลองภาษีเจริญ จำนวน 2 เครื่อง โดยเครื่องผลักดันน้ำของกองทัพเรือมี 3 ขนาด คือ ขนาด 320 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 150,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน, ขนาด 220 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 100,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน และขนาด 120 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 30,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน
น.อ.วิพันธุ์ กล่าวว่า ผบ.ทร.ได้กำชับให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมจัดส่งเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเติมไปยังพื้นที่ต่างๆ ที่ขอรับความช่วยเหลือมายังกองทัพเรือ
ขณะเดียวกันกองบัญชาการกองทัพไทย(บก.ทท.) โดย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.สส.) ได้สั่งการให้หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา(นทพ.) จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจากสำนักงานพัฒนาภาค 1 และสำนักงานพัฒนาภาค 5 เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยพื้นที่ในพื้นที่ จ.สระแก้ว, ปราจีนบุรี, เพชรบูรณ์, บุรีรัมย์, ศรีสะเกษ, สุรินทร์ และอุบลราชธานี โดยให้กำลังพลช่วยประชาชนขนย้ายสิ่งของ และขนย้ายสัตว์เลี้ยงออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง พร้อมจัดรถรถบรรทุกและเรือท้องแบนรับ-ส่งประชาชนในการสัญจรในพื้นที่ที่น้ำท่วมสูง และแจกจ่ายน้ำสะอาด น้ำดื่มบรรจุขวด รวมทั้งมีรถผลิตน้ำดื่มมาแจกจ่ายให้ประชาชนที่ต้องการด้วย นอกจากนี้ได้แจกจ่ายกระสอบทรายและแจกจ่ายถุงยังชีพแก่ประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนด้วย