สำหรับคณะที่ร่วมเดินทาง ประกอบด้วย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
รวมทั้ง พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน นายรอยล จิตรดอน ผอ.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน)
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการรับมือพายุไต้ฝุ่นหวู่ติ๊บที่จะเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยบริเวณรอยต่อของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมโดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยง โดยให้มีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการส่วนหน้าเช่นเดียวกับที่จังหวัดปราจีนบุรีที่มีการบูรณาการการทำงานเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
สำหรับพายุไต้ฝุ่นหวู่ติ๊บจะส่งผลกระทบกับภาคอีสานตอนบน โดยจะเคลื่อนตัวเข้ามาทาง จ.นครพนม, มุกดาหาร และจะส่งผลกระทบต่อ จ.หนองคาย อุดรธานี และหนองบัวลำภู แต่จะสลายตัวบริเวณรอยต่อระหว่างภาคเหนือกับภาคอีสาน ซึ่งจะสามารถทำให้กักเก็บน้ำได้มากขึ้น
อย่างไรก็ดี ภาพรวมการระบายน้ำในขณะนี้ทำได้ดีขึ้น แต่อาจมีบางพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งกรมชลประทานจะเป็นเจ้าภาพหลักที่จะเข้าไปดูเรื่องการระบายน้ำ โดยจะนำเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำไปติดตั้งตามจุดต่างๆ รวมถึงให้คำนึงถึงประสิทธิภาพการระบายน้ำ ทั้งนี้ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีแต่ละคนลงพื้นที่ที่ได้รับความเดือนร้อนเพื่อช่วยเหลือประชาชนแล้ว
ด้านนายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยต่อสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงได้ยกเลิกภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลวันนี้ทั้งหมด เพื่อเดินทางลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี
ทั้งนี้ จากรายงานของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย(ปภ.) ล่าสุดพบว่าในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ มีพื้นที่ประสบภัยแล้ว 22 อำเภอ ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 107,000 ครัวเรือน และ เสียชีวิต 6 ราย ซึ่งสถานการณ์ในพื้นที่นั้นน้ำยังไหลลงได้ช้า เนื่องจากระดับน้ำในแมีน้ำมูลยังสูง เช่นเดียวกับที่ จ.อุบลราชธานี ที่ประสบอุทกภัยแลัว 23 อำเภอ ประชาชนได้รับความเดือนร้อนกว่า 92,000 ครัวเรือน
ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีได้มีความเป็นห่วงกับกรณีที่พายุไต้ฝุ่นหวู่ติ๊บที่จะขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามวันนี้ ซึ่งอาจส่งผลให้ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้น จึงได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งบูรณาการการช่วยเหลือในพื้นที่ โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคง ทั้งกระทรวงกลาโหม และผู้ว่าราชการจังหวัดให้ลงพื้นที่สนับสนุนการทำงานของส่วนราชการ ตลอดจนกำชับให้กระทรวงสาธารณสุขจัดเตรียมแผนเฝ้าระวังโรคระบาดที่จะมากับน้ำท่วมด้วย