สำหรับการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสอีโบล่า โดยมาตรการสำคัญคือการเฝ้าระวังโรคทั้งในคนและในสัตว์ การเตรียมพร้อมของโรงพยาบาล ซึ่งเน้นมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยของแพทย์ พยาบาล และการเตรียมความพร้อมของห้องปฏิบัติการ ให้มีความสามารถในการชันสูตรด้วยความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติ โดยในส่วนกลางได้จัดเตรียมโรงพยาบาลรองรับ หากมีผู้ป่วยสงสัยโรคติดชื้อไวรัสอีโบลา คือ สถาบันบำราศนราดูร โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี และสถาบันสุขภาพเด็กฯกรณีมีผู้ป่วยสงสัยที่เป็นเด็ก ในส่วนภูมิภาค จะเตรียมโรงพยาบาลศูนย์ และ โรงพยาบาลทั่วไปทุกจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดที่มีสนามบิน และด่านชายแดน ผลการเฝ้าระวังจนถึงวันนี้ไทยยังไม่พบผู้ในข่ายสงสัยโรคดังกล่าว
โดยวันนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดอบรมผู้บริหาร แพทย์ พยาบาล นักเทคนิคการแพทย์ ทีมสอบสวนโรค จากโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป เตรียมความพร้อมด้านการบริหารจัดการ การตรวจวินิจฉัย การรักษาพยาบาล และสอบสวนโรค เพื่อสร้างความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ ในการรองรับผู้ป่วยที่สงสัยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบล่า
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยหญิงไทยวัย 48 ปีซึ่งพักรอดูอาการติดเชื้อไวรัสอีโบลาที่สถาบันบำราศนราดูร ตั้งแต่เย็นวันที่ 20 สิงหาคม 2557 จนถึงวันนี้อาการทั่วไปปกติ ไม่มีไข้ โดยวันนี้จะตรวจเลือดยืนยันซ้ำอีกครั้ง ส่วนผลการตรวจคัดกรองผู้เดินทางจากประเทศที่มีการระบาดของเชื้อดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายนจนถึงวันนี้ ได้คัดกรองทั้งหมด 708 คน จากกินี 384 คน ไลบีเรีย 54 คน เซียร์ร่าลีโอน 35 คน ไนจีเรีย 231 คน และประเทศอื่นๆ 4 คน ไม่มีรายใดมีไข้ แต่ทุกคนอยู่ในระบบติดตามอาการทุกวัน
ขณะที่องค์การอนามัยโลกรายงานข้อมูลผู้ป่วยโรคอีโบลาถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2557 พบผู้ป่วย 2,615 ราย เสียชีวิต 1,427 ราย ใน 4 ประเทศดังนี้ กินี ไลบีเรีย เซียร์ร่าลีโอน และไนจีเรีย เฉลี่ยอัตราผู้ป่วยรอดชีวิตร้อยละ 47 ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนก เพราะยังไม่พบโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาแพร่กระจายออกนอกทวีปอาฟริกาด้านตะวันตก และเชื้อโรคติดต่อผ่านการสัมผัสโดยตรงกับเลือด น้ำเหลือง สิ่งคัดหลั่งของผู้ที่มีอาการป่วย เชื้อเข้าทางบาดแผลหรือรอยถลอก หรือเข้าทางเยื่อเมือก เช่น เยื่อตา ไม่ติดต่อทางเดินหายใจ ประชาชนมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่สายด่วน 1422 ตลอด 24ชั่วโมง