สธ.เผยหญิงไทยอายุ 48 ปีไม่มีเชื้ออีโบลา กลับบ้านได้แล้ว

ข่าวทั่วไป Tuesday August 26, 2014 08:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นพ.ศุภมิตร ชุณห์สุทธิวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีหญิงไทยอายุ 48 ปีที่รับการดูแลที่สถาบันบำราศนราดูร ขณะนี้เป็นวันที่ 3 อาการปกติดี ไม่มีไข้มาโดยตลอด ผื่นที่ผิวหนังหายแล้ว ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการครั้งแรกได้ผลลบ และตรวจซ้ำครั้งที่ 2 เมื่อวานนี้ก็ให้ผลลบเช่นกัน จึงยืนยันว่าไม่ใช่การติดเชื้อไวรัสอีโบลา โดยจะนำผลการตรวจเข้าหารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านการวินิจฉัยรักษาด้วย

ผู้ป่วยรายนี้ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขผู้ป่วยเข้าข่ายเฝ้าระวังมาตั้งแต่ต้น เพียงแต่มีประวัติการเดินทางมาจากพื้นที่ระบาด และไม่มีไข้ แต่มีความกังวล ได้ติดต่อมายังกรมควบคุมโรค จึงได้ให้การตรวจและดูแลตามระบบการเฝ้าระวัง นับว่าเป็นผู้มีความใส่ใจ และรับผิดชอบต่อสังคม

นอกจากนี้ ในการดูแลครั้งนี้ถือเป็นการทดสอบความพร้อมของระบบการเฝ้าระวังโรค การดูแลรักษาในโรงพยาบาล การตรวจทางห้องปฏิบัติการ และการสื่อสารเผยแพร่ข้อมูลความรู้แก่ประชาชน ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาสามารถโทรสอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง

ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกรายงานข้อมูลถึงวันที่ 20 ส.ค.57 พบผู้ติดเชื้อทั้งหมด 2,615 ราย เสียชีวิต 1,427 ราย การระบาดยังคงอยู่ในประเทศกินี ไลบีเรีย เซียร์ร่าลีโอน และเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย และจากที่ไลบีเรียเคยมีข่าวว่าผู้ป่วยหนีออกมาจากศูนย์รักษา ขณะนี้ทางการได้ติดตามตัวกลับมาได้แล้วทั้ง 17 ราย

ส่วนกรณีข่าวที่ประเทศเซียร์ร่าลีโอนพบอาสาสมัครชาวอังกฤษติดเชื้อไวรัสดังกล่าว รัฐบาลอังกฤษมีแผนจะนำตัวกลับไปรักษาที่ประเทศอังกฤษ สำหรับประเทศพม่า อินเดีย เวียดนาม ที่มีการตรวจสอบผู้เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดและมีไข้ พบว่าผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการทุกรายไม่ได้ติดเชื้อไวรัสอีโบลา แต่ป่วยเป็นโรคอื่น เช่น ที่พม่าเป็นโรคมาลาเรีย เป็นต้น

สำหรับมาตรการเฝ้าระวังในกลุ่มผู้เดินทางมาจากต่างประเทศโดยเครื่องบิน กระทรวงสาธารณสุขได้ดูแลครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาด ซึ่งมีวันละ 6-7 เที่ยวบิน กลุ่มประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้มาจากพื้นที่ระบาด และกลุ่มผู้เดินทางที่รอเปลี่ยนเครื่อง ในระยะที่ผ่านมาสถานการณ์ปกติ ไม่พบรายใดมีไข้

ส่วนการเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาผู้ป่วย การตรวจทางห้องปฏิบัติการ และการสอบสวนโรค ได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของบุคลากร เนื่องจากบทเรียนของการระบาดในอาฟริกา มีบุคลากรทางการแพทย์รวมอยู่ด้วย จึงต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยในการปฏิบัติงานอย่างเต็มที่

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ