จากการติดตามอาการหญิงรายดังกล่าวในวันที่ 5 ธันวาคม 2557 เริ่มมีอาการเจ็บคอ ปวดศีรษะ และอ่อนเพลีย แต่ไม่มีไข้ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ติดตามอาการต่อเนื่อง จนถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2557 ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายใจ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ไปรับตัวเข้ามาสังเกตอาการในโรงพยาบาลเพื่อให้ได้รับการดูแลตามมาตรฐานอย่างใกล้ชิด หลังจากเข้ารับการรักษาในเวลา 22.00 น.เริ่มมีไข้ จึงได้เจาะเลือดส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ รวมทั้งติดตามผู้สัมผัสในครอบครัวและผู้ร่วมงานรวม 18 คนเป็นเวลา 21วัน ตามมาตรฐานที่กำหนด
นพ.วชิระ กล่าวต่อว่า ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการครั้งแรก ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในวันที่ 10 ธันวาคม 2557 ไม่พบการติดเชื้อไวรัสอีโบลา รวมทั้งได้ตรวจหาการติดเชื้อมาลาเรียและไข้เลือดออก แต่ก็ไม่พบเช่นกัน จากนั้นในเช้าวันนี้ ผู้ป่วยอาการปกติ ไม่มีไข้ ซึ่งทางโรงพยาบาลจะเจาะเลือดตรวจหาเชื้อไวรัสอีโบลาอีกครั้งหนึ่ง ในวันที่ 15 ธันวาคม 2557
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ ประเทศไทยยังดำเนินมาตรการเฝ้าระวังโรคอีโบลาตามระบบที่วางไว้ โดยจะตรวจผู้ที่มีประวัติเดินทางมาจากพื้นที่ระบาดตามประกาศเขตติดโรคทุกช่องทาง ทั้งที่สนามบิน ท่าเรือ และด่านชายแดน และติดตามอาการจนครบ 21 วันตามเกณฑ์ หากมีไข้จะรับเข้าดูแลในโรงพยาบาลที่จัดเตรียมไว้ ทั้งในกทม. และต่างจังหวัด เพื่อป้องกันเชื้อแพร่เชื้อ และจะติดตามอาการผู้สัมผัสทุกคน
“ผู้ป่วยรายนี้เป็นผู้ที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวังต้องสอบสวนโรคตามปกติ และยังเป็นเพียงผู้ที่อยู่ในการเฝ้าระวังตามระบบที่วางไว้ซึ่งเป็นไปตามระบบสากล ยังไม่ใช่ผู้ป่วยโรคอีโบลา ส่วนอาการของผู้สัมผัสพบว่าทุกคนปกติดี ขอให้ประชาชนมั่นใจในระบบการเฝ้าระวังที่มีประสิทธิภาพของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะช่วยให้สามารถตรวจจับและป้องกันควบคุมโรคได้อย่างรวดเร็ว โดยระยะที่ผ่านมายังไม่พบผู้เดินทางติดเชื้ออีโบลา" นายแพทย์โสภณกล่าว
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า ผลการตรวจคัดกรองผู้เดินทางจากพื้นที่ระบาดวานนี้ (10 ธันวาคม 2557) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมี 13 ราย ไม่มีรายใดมีไข้ ยอดตรวจสะสมตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2557 เป็นต้นมา รวมทั้งหมด 3,438 คน ส่วนใหญ่มาจากกินี 992 ราย ไลบีเรีย 132 ราย เซียร์ราลีโอน 103 คองโก 309 มาลี 118 ราย และอื่นๆ 1,784 ราย ทุกรายปกติ