(เพิ่มเติม) ตร.เผยระเบิด BTS สยามเป็นไปป์บอมบ์จุดชนวนด้วยนาฬิกาดิจิตอลไม่ร้ายแรง

ข่าวทั่วไป Monday February 2, 2015 12:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่าจากการตรวจสอบหลักฐานในที่เกิดเหตุลอบวางระเบิดบนสถานีบีทีเอสสยามเมื่อคืนนี้ พบว่าผู้ก่อเหตุได้ใช้ระเบิดแสวงเครื่องประเภทไปป์บอมบ์บรรจุดินระเบิดในท่อโลหะและจุดชนวนผ่านนาฬิกาดิจิตอล ซึ่งเป็นดินระเบิดชนิดที่ไม่ร้ายแรง แม้ว่าจะพบตะปูที่คาดว่าจะเป็นองค์ประกอบในระเบิดดังกล่าว แต่ตะปูไม่ได้หักงอแสดงว่าแรงระเบิดต่ำ มุ่งหวังให้เกิดความตื่นตระหนก โดยพบผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามผู้ก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คงยังเร็วเกินไปที่จะสรุปสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าว

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก สตช. เปิดเผยว่า ตามเวลาที่เกิดเหตุเกิดระเบิดขึ้น 2 ครั้ง ห่างกันประมาณ 30 วินาที โดยครั้งแรกเกิดขึ้นบริเวณบนทางเชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส กับสยามพารากอน ประตู 3 ส่วนครั้งที่ 2 เกิดขึ้นห่างจากจุดแรกประมาณ 6.4 เมตร บริเวณหน้าจุดบริการด่วน กทม. ตรวจสอบแล้วเป็นการระเบิดจากแสวงเครื่องที่ทำขึ้นจากท่อเหล็กขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 ซม. ยาว 20 ซม. โดยมีดินดำเป็นดินระเบิดหลัก จุดระเบิดโดยใช้นาฬิกาข้อมือดิจิตอล ยังไม่ทราบยี่ห้อและรุ่น และมีตะปู ขนาดยาว 2-4 นิ้ว เป็นสะเก็ดระเบิด แรงระเบิดทำให้ทรัพย์สินเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย คือ นางศิรินทร์ ส่องแสงเจริญ อายุ 53 ปี ตกใจเสียงระเบิดหกล้มเจ็บบริเวณสะโพก ไม่มีบาดแผล รับการรักษาที่รพ.ตำรวจ แพทย์ให้กลับบ้านในเวลา 22.00 น. และ นายวีระ ศักศิรัตน์ อายุ 26 ปี ถูกของมีคมบริเวณนิ้วหัวแม่มือซ้าย เป็นแผลยาวประมาณ 1 นิ้ว เย็บแผลที่รพ.พญาไท 1 แพทย์ให้กลับบ้านเวลา 22.00 น.

นอกจากนี้ เบื้องต้นทางตำรวจสอบสวนได้เข้าตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณดังกล่าวแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิด เนื่องจากมีกล้องหลายจุดและมีผู้คนผ่านไปมาจำนวนมากในเวลานั้น อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อสรุปว่าใครเป็นผู้ดำเนินการ หรือมาจากกลุ่มไหน โดยยืนยันว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด ขณะที่ช่วงบ่ายวันนี้ในจะเข้าตรวจสอบลายนิ้วมือ ในบริเวณรอบๆเพื่อค้นหาผู้กระทำผิดต่อไป

สำหรับมาตรการดูแลในเบื้องต้นได้มอบหมายให้ทางตำรวจพื้นที่เพิ่มความระมัดระวัง โดยให้มีการประสานงานกับทางห้างร้าน หรือหน่วยงานที่ดูแล ให้ช่วยกันตรวจสอบ สังเกตพฤติกรรมบุคคลต้องสงสัย

"ในช่วงบ่ายนี้น่าจะเห็นความคืบหน้าขึ้นในเรื่องของภาพวงจรปิด โดยเราก็มีการให้ข้อมูลแก่ชาวต่างชาติเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจที่สับสน โดยวอนประชาชนอย่าเพิ่งไปสรุปที่มุ่งไปทางฝ่ายใด ขอให้ทางตำรวจสืบสวนสอบสวน ได้ทำงานก่อน ซึ่งเราจะเร่งทำให้เร็วที่สุด และเมื่อมีความคืบหน้าหรือได้ข้อสรุปใดๆแล้วจะชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง" โฆษก สตช. กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ