โดยแนวทางปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค ได้แก่ 1.หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจหรือผู้ที่มีอาการไอหรือจาม, 2.ควรล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วยหรือสิ่งแวดล้อมที่ผู้ป่วยสัมผัส, 3.หลีกเลี่ยงการเข้าไปสัมผัสกับฟาร์มสัตว์หรือสัตว์ป่าต่างๆ หรือดื่มนมสัตว์ โดยเฉพาะอูฐ ซึ่งอาจเป็นแหล่งรังโรคของเชื้อได้, 4.หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานพยาบาลในประเทศเกาหลีใต้หากไม่จำเป็น 5.ผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะที่ยังคุมอาการไม่ดีควรงดเดินทางไปพื้นที่ที่มีการระบาด,
6.ถ้ามีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ (มีอาการรุนแรงที่ส่งกระทบต่อกิจวัตรประจำวันปกติ) ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสคลุกคลีกับบุคคลอื่นเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ เมื่อไอหรือจามควรใช้กระดาษชำระปิดปากและจมูกทุกครั้ง และทิ้งกระดาษชำระที่ใช้แล้วลงในถังขยะที่ปิดมิดชิดและล้างมือให้สะอาด กรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ ควรไอหรือจามลงบนเสื้อผ้าบริเวณต้นแขน ไม่ควรจามรดมือและรีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่, 7.หากมีอาการป่วยหลังเดินทางกลับประเทศ ภายใน 14 วัน เช่น ไข้สูง ไอ มีน้ำมูก ขอให้ใส่หน้ากากป้องกันโรค ให้รีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ และ 8.คำแนะนำประชาชนทั่วไป คือ กินสุกร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือฟอกสบู่บ่อยๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่วย และผู้ป่วยที่มีอาการหวัดหรือโรคระบบทางเดินหายใจ
สำหรับสถานการณ์โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง โดยองค์การอนามัยโลก ตั้งแต่เดือนกันยายน 2555 ถึงวันที่ 12 มิถุนายน 2558 ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อฯ แล้วจำนวน 1,289 ราย เสียชีวิต 455 ราย จาก 25 ประเทศ ส่วนช่วงเดือนพฤษภาคม-12 มิถุนายน 2558 จำนวน 7 ประเทศ คือ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิหร่าน กาตาร์ โอมาน เกาหลีใต้ และจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ 2012 ทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน อาจรุนแรงและเสียชีวิตได้ อาการที่พบ เช่น ไข้สูง ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หอบเหนื่อย เป็นต้น ติดต่อโดยการไอจามรดกัน