สธ.เตรียมเร่ง 5 มาตรการสกัดไข้เลือดออก หลังพบผู้เสียชีวิตแล้ว 26 ราย

ข่าวทั่วไป Friday July 24, 2015 14:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เตรียมเร่งผลักดัน 5 มาตรการรองรับการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือด หลังพบผู้เสียชีวิตตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้แล้ว 26 ราย โดยจำนวนผู้ป่วยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นกว่าสองเท่าตัวจากปีก่อน

"ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 21 กรกฎาคม 2558 พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก 35,591 ราย เสียชีวิต 26 ราย จากปัจจัยเอื้อข้างต้นทำให้ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีอัตราการเกิดโรคสูงมาก เฉลี่ยสัปดาห์ละกว่า 3,000 ราย อายุที่พบมากที่สุดคือ 10-14 ปี รองลงมา 5-9 ปี ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักเรียนถึง 46.04% โดยจังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 อันดับ คือ ตาก ระยอง ตราด จันทบุรี และเพชรบุรี ซึ่งหากเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 ปีนี้มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกมากกว่าปีที่แล้วถึง 2.06 เท่า นอกจากนี้กรมควบคุมโรคคาดการณ์ว่าปี 2558 จะพบผู้ป่วยทั้งปี 60,000-70,000 ราย" นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สธ.จะเร่งผลักดัน 5 มาตรการรองรับการระบาดของโรคไข้เลือด ได้แก่ 1.จัดทำ MOU เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคไข้เลือดออกร่วมกับหน่วยงาน 8 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม และกรุงเทพมหานคร โดยมุ่งเน้นการจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อลดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง 2.มีการสื่อสารความเสี่ยง เพื่อแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบสถานการณ์การระบาดโรคไข้เลือดออกในชุมชน วิธีการป้องกันตนเอง และการควบคุมแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบ้านและชุมชน รวมถึงการปฏิบัติเมื่อผู้ป่วยหรือสงสัยว่าป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก 3.การควบคุมการระบาดของโรคในพื้นที่ โดยทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว(SRRT) ในระดับตำบล ใช้วิธีการพ่นเคมีกำจัดยุงตัวเต็มวัยในบ้านผู้ป่วยและรอบบ้านผู้ป่วยในรัศมีอย่างน้อย 100 เมตร รวมถึงกำจัดลูกน้ำยุงลายในบ้านผู้ป่วยและรอบบ้านผู้ป่วยในรัศมีอย่างน้อย 100 เมตร 4.เปิดวอร์รูม (Warroom) ในพื้นที่ระบาดที่มีสถานการณ์การพบผู้ป่วยต่อเนื่อง เพื่อติดตามสถานการณ์พิจารณาสั่งการโดยนายอำเภอหรือผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อขอความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาการระบาด และ 5.เตรียมความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อการดูแลรักษาผู้ป่วยและป้องกันการเสียชีวิต

"สถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้เป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้ประชาชนเปลี่ยนพฤติกรรมการเก็บสำรองน้ำใส่ภาชนะเพิ่มขึ้น และหากปิดภาชนะหรือแหล่งน้ำสำรองไม่มิดชิดจะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายได้เช่นกัน และเมื่อมีฝนตกลงมาในหลายพื้นที่ก็จะเกิดยุงลายได้ง่ายจากที่ยุงลายรุ่นเก่าได้ไข่ทิ้งไว้ตามเศษภาชนะที่ทิ้งเป็นขยะไว้ ไม่ว่าจะเป็น กล่องโฟมใส่อาหาร แก้วน้ำ/กล่องพลาสติก ไข่ยุงลายเหล่านี้แห้งติดโดยไม่เน่าเสียเป็นปี เมื่อได้รับน้ำไข่ก็จะแตกตัวเป็นตัวอ่อนของยุงลายหรือลูกน้ำภายในครึ่งชั่วโมง ก่อนจะกลายเป็นตัวยุงได้ใน 7 วัน ทำให้เรารู้สึกว่าเมื่อฝนตกยุงจึงเยอะขึ้นเร็วมาก" นพ.โสภณ กล่าว

นอกจากนี้น้ำฝนที่ตกมายังก่อให้เกิดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายมากมายตามเศษวัสดุ ภาชนะต่างๆ จานรองกระถางต้นไม้ ยางรถยนต์เก่าที่ทิ้งไว้ ภาชนะเก็บน้ำกินน้ำใช้โดยทั่วไป โดยยุงตัวเมียเท่านั้นที่กัดกินเลือดเพื่อนำโปรตีนในเลือดไปเลี้ยงรังไข่ ซึ่งส่วนใหญ่ยุงลายจะกัดคนในเวลากลางวัน เว้นแต่กลางวันไม่มีเหยื่อให้กิน ในที่ที่มีแสงไฟกลางคืนก็จะออกกินเลือดได้เช่นกัน

สำหรับโรคไข้เลือดออกยังไม่มีวัคซีนสำเร็จรูป และยังไม่มียารักษาเฉพาะ แต่จะเป็นการรักษาตามอาการ คือ มีการให้ยาลดไข้ เช็ดตัว และการป้องกันภาวะหากมีไข้สูงเกิน 2 วัน ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ปวดกระดูก คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร หน้าแดง อาจพบจุดเลือดที่ผิวหนัง เจ็บชายโครงด้านขวา มักจะไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก ซึ่งเป็นข้อแตกต่างจากการเป็นหวัดที่จะมีน้ำมูกร่วมด้วย เว้นแต่จะเป็นไข้ทั้งสองชนิดในเวลาเดียวกัน ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรค และหากเป็นไข้เลือดออกแล้ว ช่วงที่ไข้ลดลงในวันที่ 3-4 แต่ผู้ป่วยซึมลงกินดื่มไม่ได้ มือเท้าเย็น เหงื่อออก ชีพจรเต้นเร็ว ปวดท้อง คือสัญญาณอันตรายของโรคนี้ ควรนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันทีเพราะผู้ป่วยอาจมีอาการช็อกและเสียชีวิตได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ