นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงแผนระยะปานกลางและระยะยาวในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำว่า ได้จัดให้มีคณะอนุกรรมการที่เหมาะสมให้สามารถวิเคราะห์แนวโน้ม ติดตาม ประเมินสถานการณ์น้ำในการกำหนดนโยบายในระดับชาติ ทั้งอุปสงค์และอุปทานให้มีความสอดคล้องกันและเป็นไปตามสภาพภูมิอากาศโลกด้วย รวมทั้งการจัดทำข้อเสนอใหม่ๆ สำหรับการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบอย่างบูรณาการ เช่น1.การนำน้ำจากฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมหานครมาใช้ให้มากขึ้น เพื่อแทนการใช้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา 2.การตัดน้ำโดยตรงจากแม่น้ำเจ้าพระยาลงไปที่คลองสำแล ที่จะสามารถช่วยลดน้ำที่จะผลักดันน้ำเค็มเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ 3.การหาแหล่งน้ำต้นทุนมาเพิ่มให้การประปานครหลวง 4.การกำหนดมาตรการ ข้อพิจารณาในการใช้น้ำก้นอ่างในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ที่มีรวมกันราว 7,500 ล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อมีความจำเป็น และ 5'การเจรจาทำความตกลงในการขอผันน้ำจากแม่น้ำสาละวิน แม่น้ำเมย แม่น้ำโขงในฤดูน้ำหลาก มาใช้ประโยชน์สูงสุดภายในประเทศ