ในสัปดาห์นี้พนักงานสอบสวนจะเชิญพยานบุคคล ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่ดูแลหุ้นของนายชูวงษ์เข้าให้ปากคำและรอผลตรวจจากกองพิสูจน์หลักฐาน ถึงการโอนหุ้นให้กับ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล และ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บล. เออีซี(AEC)
ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้รวบรวมหลักฐานอย่างรอบคอบชัดเจนทุกด้านก่อนการออกหมายจับ โดยไม่ได้เอากรอบเวลามากดดันการทำงาน และเชื่อว่าจากข้อมูลและหลักฐานที่กองปราบรายงานมานั้นเพียงพอต่อการเอาผิดผู้เกี่ยวข้องได้แน่นอน
"การโอนหุ้นไม่ชอบมาพากลแน่นอน"พล.ต.อ.สมยศ กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พานิชย์ ให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์บ่ายวันนี้ว่า ขอตั้งคำถามกับตำรวจกองปราบปรามกรณีที่ระบุว่ามีการปลอมเอกสารการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ว่า ปลอมอย่างไร ปลอมเมื่อไหร่ และเหตุใดเจ้าของหุ้นถึงไม่เคยบอกว่ามีใครมาปลอมแปลงเอกสารดังกล่าว
พร้อมกันนั้น พ.ต.ท.บรรยิน ยังเปิดเผยที่มาของการลงทุนในตลาดหุ้นของนายชูวงษ์ว่า เมื่อปลายปีก่อนตนเองและนายชูวงษ์มีแนวคิดจะตั้งพรรคการเมืองชื่อพรรค"ชูชาติไทย"โดยมีนายชูวงษ์เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งแผนเบื้องต้นจะตั้งวงเงินกองทุนไว้ 5 พันล้านบาท โดยจะนำเงินกำไรจากการซื้อขายหุ้นมาเป็นค่าใช้จ่าย เพื่อเตรียมส่งสมาชิกพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากนายชูวงษ์สนใจที่จะลงเล่นการเมือง หลังจากประสบความสำเร็จในด้านธุรกิจมามากแล้ว
ก่อนที่นายชูวงษ์จะเสียชีวิตได้รวบรวมเงินไว้ได้แล้ว 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นพอร์ตการลงทุนที่เปิดไว้กับโบรกเกอร์ 2 รายคือ บล.อาร์เอชบีโอเอสเค(OSK) และ บล.เออีซี(AEC) ซึ่งแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกใน AEC เป็นบัญชีเงินร่วมทุนของเพื่อร่วมรุ่น วปอ.ลงขันกันเป็นกองทุนราว 50 ล้านบาท ซึ่งมีตนเองเป็นคนบริหารพอร์ต และออกคำสั่งซื้อขายหุ้น อีกส่วนเป็นบัญชีส่วนตัวของนายชูวงษ์ 50 ล้านบาท ขณะที่มีอีกบัญชีใน OSK ประมาณ 400 ล้านบาททั้งหมดใช้ชื่อนายชูวงษ์เพราะทุกคนไว้วางใจ ขณะที่ตนเองรู้เรื่องหุ้นดีจึงเป็นผู้บริหารพอร์ต
นอกจากนั้น ตนเองยังมีการร่วมทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับนายชูวงษ์ที่กำลังจะมีการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ในจังหวัดนครสวรรค์และพิษณุโลก จึงไม่มีเหตุจูงใจใด ๆ ที่ต้องการให้นายชูวงษ์เสียชีวิต
ในวันนี้พ.ต.ท.บรรยิน ยังเข้ายื่นหนังสือถึง นายดิเรก อิงคนินันท์ ประธานศาลฎีกาในฐานะประธานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมในวันนี้ เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมของผู้พิพากษาอาวุโสท่านหนึ่งด้านจริยธรรมและการทำหน้าที่ เนื่องจากมีพยานหลักฐานและพยานบุคคลว่าผู้พิพากษาอาวุโสคนดังกล่าวมีความสนิทสนมกับครอบครัวของนายชูวงษ์มานานและให้คำปรึกษากันทุกเรื่อง