นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คดีมีความคืบหน้าตามลำดับ ตำรวจใช้วิธีการสอบสวนหาพยานหลักฐานตามมาตรฐานสากล เช่น ตรวจสอบจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด และนำภาพมาต่อให้เกิดความต่อเนื่องเพื่อเห็นพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัย แต่ไม่อยากให้สื่อลงในรายละเอียดมากเกินไป เพราะจะกระทบต่อรูปคดีจนเกิดความเสียหาย ทำให้การติดตามตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ทำได้ยาก อีกทั้งมีความเป็นห่วงคนที่ลงมือก่อเหตุว่าจะถูกลอบสังหารหรือถูกปิดปาก เพราะมีผลสำคัญต่อคดี
"ฝากไปยังผู้ลงมือกระทำให้เข้ามอบตัวเพื่อความปลอดภัยของตนเอง โดยเจ้าหน้าที่จะดูแลความปลอดภัยให้ ดีกว่าหลบหนี ซึ่งอาจจะไม่ปลอดภัย รวมถึงคนที่ใกล้ชิดหรือผู้ที่ทราบเบาะแสก็ขอให้เข้าพบเจ้าหน้าที่ดีกว่า" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปตัดสินว่าเป็นฝีมือใคร แต่เป็นการกระทำของคนที่ขาดศีลธรรมและคุณธรรม ไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น ดังนั้นทุกคนที่มีความหวังดีต่อประเทศชาติต้องมีคิดใหม่ว่าจะร่วมดูแลสถานการณ์ในวันนี้อย่างไร เพราะเหตุรุนแรงเช่นนี้เกิดขึ้นได้ทุกแห่งในโลก และพร้อมเกิดขึ้นทุกเวลา แต่ในส่วนของไทยถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นในลักษณะรุนแรงเช่นนี้ จึงหวังว่าทุกคนจะช่วยกันดูแลบ้านเมือง และไม่ใช่ความบกพร่องของใคร เพราะบางเรื่องเกิดขึ้นได้ในที่มีคนจำนวนมาก
"ขอให้ทุกคนดำเนินชีวิตตามปกติ และช่วยกันดูแลและแจ้งเบาะแสคนร้ายเข้ามา คนไม่ดี คนชั่วก็จะไม่กล้าก่อเหตุอีก เมื่อพบสิ่งผิดปกติก็รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ หรือหากพบบุคคลมีพฤติกรรมน่าสงสัยหรือปิดบังอำพรางตนเองควรแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที เพื่อไม่ให้ก่อเหตุขึ้นอีก" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความเชื่อมโยงของคดีลอบวางระเบิดที่เกิดขึ้นทั้ง 2 ครั้ง ขณะนี้เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน และกำลังตรวจสอบลักษณะระเบิดและซากชิ้นส่วนที่เหลือว่าเป็นชนิดเดียวกันหรือไม่ หากพบเป็นชนิดเดียวกันก็มีความเชื่อมโยงกัน ยิ่งเมื่อมีการก่อเหตุมากขึ้นย่อมพิสูจน์ได้ง่ายขึ้น เพราะมีคนร่วมก่อเหตุมากขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่จะพยายามติดตามตัวผู้ก่อเหตุ
"สาเหตุที่เกิดขึ้นยังไม่ให้น้ำหนักเรื่องใดเป็นพิเศษ และยังไม่ยืนยันว่าชาวต่างชาติที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดเป็นผู้ก่อเหตุหรือไม่ แต่หากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากการเมือง มองว่า ประเทศกำลังอยู่ในภาวะอันตราย และหากคนเหล่านี้ยังคงอยู่ก็จะเกิดเหตุการณ์อีกเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ในวันนี้ก็มีบุคคลออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้สื่อนำเสนอความคืบหน้าของคดีตามเหมาะสม เพราะไม่อยากให้สถานการณ์แย่ลงไปมากกว่านี้ ซึ่งความคืบหน้าของคดีนั้นทางโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีการให้ข้อมูลตามความเหมาะสม โดยได้สั่งการให้กั้นพื้นที่เกิดเหตุเพื่อป้องกันหลักฐานสูญหาย หากปล่อยให้คนเข้าไปจำนวนมากหลักฐานอาจสูญหาย อีกทั้งรูปภาพคนเจ็บที่ถูกเผยแพร่ออกไป ส่วนตัวถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิคนตายและครอบครัว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้สรุปสาเหตุของการก่อเหตุว่าเกี่ยวข้องกับการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังจีนหรือไม่ ซึ่งการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายและให้ความเป็นธรรม ตลอดจนหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งประเทศไทยได้ดูแลเป็นอย่างดี แต่ไม่สามารถให้พำนักในประเทศไทยได้นาน
"เรื่องนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง มันคนละเรื่อง ตอนนี้เขาก็พิสูจน์กันไปมา ถ้าเป็นเรื่องต่างประเทศเรื่องนั้น ผมไม่อยากเอ่ยชื่อ มันเป็นไปได้ไหม ต้องไปวิเคราะห์สถานการณ์ว่าในวันนี้ที่มีการแก้แค้นกัน ทำร้ายกันของกลุ่มคนเหล่านั้น ในโลกนี้มันเกิดที่ไหนบ้าง มันเกิดแบบไหน รุนแรงหรือไม่รุนแรง มีบ้างไหม ไปดูหน่อย เขาวิเคราะห์กันแบบนั้น ไม่ใช่เพราะเกิดปุ๊บ เป็นเพราะไอ้นั้นทำไอ้นี่ทำ ไม่ใช่หรอก แล้วมีการแสดงความรับผิดชอบออกมาหรือยัง ก็ไม่มี ปกติเรื่องเหล่านี้ต้องมีคนแสดงออกมายอมรับว่าทำ ต้องการแบบนี้ก็ยังไม่มีมา 3-4 วันแล้ว ถ้ามาบอกตอนนี้ ผมก็ไม่เชื่อ คือต้องระมัดระวังถ้าเราจะเบนไปข้างใดข้างหนึ่ง มันไม่หน้าจะถูกต้องผมว่าเราอยู่ตรงกลางแบบนี้ ถ้าหลักฐานไปทางซ้ายก็เพ่งเล็งไปทางซ้าย ถ้าหลักฐานไปทางขวาก็เพ่งเล็งไปทางขวา ต้องไม่ลืม และรีบตัดสินใจทางใดทางหนึ่งจนกว่าหลักฐานชัดเจน หรือได้ตัวบุคคลมา หรือมีหลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ชัดเจน ถึงจะชี้ชัดได้ อย่าชี้ชัดกันเอง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวขอบคุณประเทศออสเตรเลียที่ให้กำลังใจ พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพยายามคลี่คลายปัญหาอย่างเต็มที่ด้วยการใช้กฎหมายของประเทศไทย กรณีที่สหราชอาณาจักรจะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยตรวจสอบนั้นพร้อมรับคำแนะนำในการแก้ปัญหาเท่านั้น แต่ไม่สามารถให้องค์กรระหว่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องกับกระบวนการสอบสวนคดีได้
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้ติดต่อพร้อมแสดงความเป็นห่วงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตนเองก็ได้แสดงความเสียใจกลับไป เพราะมีชาวมาเลเซียเสียชีวิตด้วย ขณะที่ประเทศจีนได้ติดต่อมายัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ซึ่งทางการจีนมีความเข้าใจและเห็นใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะไม่ให้กระทบต่อการท่องเที่ยวระหว่างไทย-จีน ด้านสหรัฐฯได้ให้กำลังใจเพื่อให้ไทยสามารถแก้ปัญหาได้ พร้อมขอว่าอย่าใช้คำว่าก่อการร้าย แม้ประเทศไทยจะเกิดปัญหาหลายครั้งแต่ยังไม่ถึงขั้นที่เป็นการก่อการร้าย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้คนไทยต้องรวมจิตใจให้เป็นหนึ่งและเดินหน้าช่วยกันแก้ปัญหา แม้ว่ารัฐบาลและ คสช.จะมาจากรัฐประหาร แต่ก็ดำเนินการทุกอย่างไปตามหลักสากล และยืนยันว่าได้ใช้วิธีการประชาธิปไตยในการเดินหน้าประเทศ พร้อมกันนี้ ยังขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปชมภาพยนตร์เรื่อง Blue Bloods เพื่อนำแนวคิดของ ผบ.ตร.ในภาพยนตร์เรื่องนี้มาปรับใช้ แต่ไม่ได้ตำหนิการทำงานของ ผบ.ตร.