77 องค์กรภาครัฐ-เอกชน-ประชาสังคมผนึกกำลังรณรงค์"อย่าให้ใครว่าไทย"

ข่าวทั่วไป Wednesday August 19, 2015 16:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

77 องค์กรภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ผนึกกำลังครั้งใหญ่เปิดตัวโครงการรณรงค์ “อย่าให้ใครว่าไทย" และ “เครือข่ายอนาคตไทย" พื่อประกาศเจตนารมณ์และขยายเครือข่ายการรณรงค์ มุ่งสร้างพฤติกรรมบวก อันจะเป็นรากฐานที่ดีของการก้าวไปในอนาคตเพื่อขับเคลื่อนสังคมไทยให้สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์

นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองประธานกรรมการมูลนิธิมั่นพัฒนา เปิดเผยว่า เครือข่ายอนาคตไทยเกิดจากการรวมตัวขององค์กรต่างๆ ทั้ง 77 องค์กร โดยจะร่วมกันขับเคลื่อนเพื่อสร้างสรรค์สังคมไทย ภายใต้แนวทางการสร้างพฤติกรรมบวก เสริมภูมิคุ้มกันทั้ง 4 ด้าน สร้างคนไทยและสังคมไทยให้มีความเข้มแข็ง โดยกระตุ้นให้คนไทยบางกลุ่มปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ ทัศนคติเชิงลบ ลดเลิกนิสัยและพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ หันมามีจิตสำนึกและพฤติกรรมที่ดี มีวินัย สร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อเป็นฐานรากใหม่ ให้มีความภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย และสร้างความเชื่อมั่นแก่นานาชาติ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ด้วยการพัฒนาคนให้มีคุณธรรมอันเป็นพื้นฐานของความคิดและการกระทำ

สำหรับเครือข่ายอนาคตไทย มีองค์กรเริ่มต้นประกอบด้วย กรมประชาสัมพันธ์ หอการค้าไทย มูลนิธิมั่นพัฒนา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย ได้เชิญชวนหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมก่อตั้งเครือข่ายอนาคตไทย จนล่าสุดมีองค์กรเครือข่ายเข้าร่วมโครงการรวม 77 องค์กร ซึ่งต่างมีความตระหนักร่วมกันว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้รับผลกระทบจากกระแสโลกาภิวัตน์และวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงค่านิยม ทัศนคติ และพฤติกรรมของการดำเนินชีวิตในการอยู่ร่วมกัน ซึ่งนับวันจะกลายเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกในสังคมไทยเพิ่มมากขึ้น อาทิ ความฟุ้งเฟ้อ การทุจริตคอรัปชั่น ไร้วินัย ไม่เคารพสิทธิ ความเสื่อมทางวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม

“77 องค์กร ร่วมเจตนารมณ์เครือข่ายอนาคตไทยสร้างการรณรงค์ระดับชาติเพื่อให้ “คนไทย" และ “ประเทศไทย" เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับรากฐานของความคิด ค่านิยม และพฤติกรรมใน 4 มิติได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ผ่านสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ เครือข่ายโซเชียลมีเดีย สื่อประชาสัมพันธ์และกิจกรรมรณรงค์ต่างๆ เช่น โครงการรณรงค์อย่าให้ใครว่าไทย และโครงการของแต่ละองค์กรเครือข่ายสร้างสรรค์ขึ้น"

นายอภินันท์ จันทรังษี อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่าสื่อหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน จะบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ และเพื่อสร้างพลังการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาของประเทศจากทุกภาคส่วนทั้งในรูปแบบของการรณรงค์ค่านิยม และการเผยแพร่การรณรงค์ในรูปแบบกิจกรรม

“การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสังคมทั้ง 4 ด้าน ต้องเริ่มที่ จิตสำนึก ทัศนคติ ของประชาชน สามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกอย่างในชีวิต และใช้ได้อย่างง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมทั้งในระดับครัวเรือน ชุมชน องค์กร จึงต้องอาศัยบูรณาการความร่วมมือจากองค์กรและสื่อทุกระดับ"

ทางด้าน นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การเข้าร่วมเครือข่ายอนาคตไทย จะสามารถผลักดันภาคธุรกิจให้มีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้นในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมไทย ทั้งนี้ หอการค้าไทย ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความสมดุลระหว่างเป้าหมายทางธุรกิจให้มีความสมดุลกับการจัดการด้านสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว และในช่วงที่ผ่านมาได้ร่วมแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม(Corporate Social Responsibility) ในการแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน

“องค์กรธุรกิจมีความพร้อมทั้งในด้านบุคลากร ทรัพยากร และประสบการณ์ในการขับเคลื่อนการสร้างภูมิคุ้มกัน ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับทั้งเครือข่ายอนาคตไทย และภาคธุรกิจที่เข้าร่วม ซึ่งในที่สุดจะช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศอย่างยั่งยืนในระยะยาว" เช่นเดียวกับ นายวัฒนา โอภานนท์อมตะ ประธาน CSR Club สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย กล่าวว่า ซีเอสอาร์ คลับ เกิดจากการรวมตัวของ 28 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งจะร่วมกันส่งเสริมให้สมาชิกบริษัทจดทะเบียนได้นำแนวคิดและหลักการความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) มาใช้ในการบริหารธุรกิจเพื่อสร้างสมดุลระหว่างมูลค่ากับคุณค่าของธุรกิจ

“การเข้าร่วมเครือข่ายอนาคตไทย นับว่ามีความสอดคล้องกับ วิสัยทัศน์ “การรวมพลังเพื่อแบ่งปัน"(Connect for Sharing) ของซีเอสอาร์ คลับ เกิดจากความมุ่งมั่นในการรวมพลังร่วมกันระหว่างสมาชิกบริษัทจดทะเบียนกับภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ ในการพัฒนาประเทศไปสู่ความยั่งยืน โดยใช้ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์การดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสังคม ที่เรียกว่า CSR-in-Process ซึ่งเป็นพื้นฐานที่นำไปสู่การพัฒนากระบวนการบริหารจัดการเชิงธุรกิจอย่างยั่งยืน ตลอดจนการพัฒนาสำนึกขององค์กรธุรกิจให้ตอบสนองต่อประโยชน์ของสังคมในทุกมิติให้มากขึ้นด้วย อันจะนำไปสู่ความยั่งยืนขององค์กร ของสังคม ของประเทศ ตลอดจนของประชาคมโลกด้วย"

นายวิทวัส ชัยปาณี นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า โครงการรณรงค์ “อย่าให้ใครว่าไทย" เป็นกิจกรรมเริ่มต้นของเครือข่ายอนาคตไทย เพื่อสร้างกระแสเตือนสติให้คนไทยปรับเปลี่ยนค่านิยมผิดๆ ผ่านคลิปโฆษณาในเครือข่ายโซเชียลมีเดีย และโทรทัศน์ 4 เรื่องที่สร้างจากการเก็บข้อมูลพื้นฐานในสิ่งที่สังคมต้องการความเปลี่ยนแปลง ซึ่งกระแสตอบรับที่ได้มาสูงสุดในช่วงเปิดตัว คือ“ไทยเท" สื่อถึงคนมักง่ายมีหัวเป็นถังขยะ ชอบทิ้งขยะตามที่สาธารณะ สร้างวิกฤตสิ่งแวดล้อม “ไทยฮุบ" สื่อถึงคนที่รับสินบน โดยไม่คำนึงถึงวิธีการที่ได้มา สังคมการโกงเป็นเรื่องปกติ สร้างวิกฤตวัฒนธรรม “ไทยผีเข้า" สื่อถึงคนไร้สติ เห็นแก่ตัว เป็นวิกฤตสังคม และ “ไทยหัวสูง" นำเสนอภาพของคนที่คลั่งไคล้วัตถุนิยมใช้เงินเกินตัว สร้างวิกฤตด้านการเงิน

“คลิปรณรงค์ชุดนี้ นำเสนอปัญหาที่เราเห็นจนชินตาอยู่ในสังคมไทย โดยลึกๆ เราคนไทย ต่างรู้สึกอับอายที่ยังมีพฤติกรรมแบบนี้เกิดขึ้นสะสมมานานในสังคมของเราและรุนแรงขึ้น จนถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องลุกขึ้นมาช่วยกันเปลี่ยนแปลง เพื่อช่วยให้สังคมไทยน่าอยู่ มีความหวัง มีอนาคต"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ