นายกฯ ยันคดีทุจริตเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ย้ำใช้ม. 44 สร้างสรรค์

ข่าวทั่วไป Wednesday September 9, 2015 15:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง ครั้งที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 พร้อมกล่าวแสดงความยินดีแก่หน่วยงานที่ได้รับรางวัล ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการปฏิบัติราชการที่จะสร้างความเชื่อถือ ความศรัทธาจากประชาชนในด้านการใช้จ่ายงบประมาณ และจากนี้ต้องเดินหน้าสร้างความเข้มแข็ง เพื่อผลดีต่อการให้บริการประชาชน ดังนั้นขอให้ข้าราชการทำงานด้วยความตั้งใจ มีความระมัดระวังท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง พร้อมย้ำทุกหน่วยงานเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปอย่างถูกตัองโปร่งใส

ขณะที่มองว่าทุกปัญหาแก้ไดั หากทุกฝ่ายมีจิตสำนึกรักประเทศ สำหรับปัญหาหลายด้านที่ผ่านมา ไม่โทษข้าราชการแต่ต้องดูที่ฝ่ายนโยบาย คือ รัฐบาลที่ไม่ดูแลอย่างจริงจัง ขณะที่ปัจจุบันรัฐบาลกำลังนำเรื่องของการตรวจสอบการทุจริตทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งทั้งหมดไม่ได้เกิดในรัฐบาลชุดนี้ แต่เป็นสิ่งที่ค้างคาจากรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งรู้สึกเป็นห่วงข้าราชการบางส่วน ที่ต้องได้รับผลกระทบหรืออกจากตำแหน่ง ถือเป็นการทับซ้อนกันของอำนาจรัฐและอำนาจการบริหารของข้าราชการ ดังนั้นจึงต้องเดินหน้าสร้างองค์กรที่มีความเข้มแข็ง ยึดหลักคุณธรรมและมีความโปร่งใส และเห็นว่าปัญหาที่ผ่านมาส่วนหนึ่งมาจากเรื่องอำนาจการปกครอง

นายกรัฐมนตรี ยังฝากให้ทุกคนช่วยคิดว่าวันหน้าจะเป็นอย่างไร เพราะประเทศไทยไม่ใช่ของตนคนเดียว ทุกคนต้องช่วยกัน และตนไม่ใช่เทวดา อำนาจทุกอย่างของประเทศอยู่ที่ประชาชน ตนเองก็เป็นประชาชน ดังนั้นการที่หลายคนว่าว่าตนต้องการสืบทอดอำนาจ แท้จริงคือการสืบทอดอำนาจของประชาชน ไม่ว่าจะเรื่องของการเลือกตั้งที่ถูกต้อง ระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง และสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ซึ่งทั้งหมดคือหน้าที่ของตนเอง พร้อมยืนยันไม่ต้องการอยู่ในตำแหน่งจนแก่ และขณะนี้อยากพักผ่อนเต็มทีแล้ว แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็ยังต้องทำหน้าที่ต่อไป เพราะขณะนี้ยังคงมีปัญหาหลายด้าน

โดยเมื่อเร็วๆนี้ ก็มีทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญและการปรับย้ายต่างๆ จนเหมือนหลายฝ่ายจะลืมไปว่าวันนี้อยู่ในสถานการณ์ใด และเป็นการบริหารราชการแผ่นดินโดยใคร ทั้งนี้หากใครอยากจะกลับไปสู่สถานการณ์ก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ตนก็ไม่ว่า แต่ต้องเตือนกลุ่มที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ให้ระมัดระวังการแสดงความเห็นด้วย ยืนยันว่าไม่ว่าใครจะวิจารณ์อย่างไรก็ต้องทำหน้าที่ต่อไป ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ซึ่งกรอบการทำงานจะช้าหรือเร็วไม่ได้อยู่ที่ตนเอง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือความเข้าใจของทุกภาคส่วน

อย่างไรก็ดี ล่าสุดมีผู้ฟ้องร้องตน ซึ่งไม่รู้ว่าจะฟ้องได้หรือมีการรับฟ้องหรือไม่ และขณะนี้ต้องรู้ว่าตนเองอยู่ในฐานะไหน แต่ยืนยันว่าไม่ใช้อำนาจในทางที่ผิด และใช้ในทางสร้างสรรค์ รวมถึงใช้ในการแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบโดยรวม หรือปัญหาที่ไม่มีทางออก จึงต้องใช้มาตรา 44 และเพื่อเป็นการดำรงไว้ซึ่งพระเกียรติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ย้ำตนเองไม่เป็นศัตรูและไม่เกลียดชังใคร เว้นแต่คนเหล่านั้นจะเกลียดชังตนเอง

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลให้การดูแลประชาชนทุกส่วนอย่างเท่าเทียม ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ผ่านกระบวนการยุติธรรมเดียวกัน หากวันนี้ใครถามว่ากระบวนการบุติธรรมไม่เท่าเทียม ต้องย้อนถามว่าที่ผ่านมาศาลยุติธรรมเพิ่งตั้งมาหรือไม่ ก็จะพบว่าศาลยุติธรรมของไทย ดำเนินการมายาวนาน มีการตัดสินคดีไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นขออย่าให้คิดว่าการดำเนินการในกรณีใดกรณีหนึ่งเป็นการรังแกไล่ล่า แต่เป็นคดีที่ค้างคามาตั้งแต่รัฐบาลที่ผ่านมา แต่ไม่ได้นำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ทั้งที่มีการตั้งเรื่องไว้หมดแล้ว ดังนั้นวันนี้รัฐบาลจึงทำหน้าที่รวบรวมเรื่องเหล่านี้ให้เข้าสู่การตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้หากผลออกมาว่าไม่ผิดก็ไม่ต้องต้องรับโทษ และหากรัฐบาลจะสร้างการตรวจสอบทั้งหมดนี้ ตัวรัฐบาลเองก็ต้องไม่มีการกระทำผิด และไม่ส่อเจตนาที่จะกระทำผิดใดๆ จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจบทบาทของรัฐบาลและของตนเอง ไม่ใช่สร้างแต่ความขัดแย้งให้เกิดขึ้น

วันนี้ไม่อยากให้ใครต้องมาทะเลาะกันเพื่อคนไม่กี่คน ขอให้ร่วมกันสร้างความปรองดอง และขออย่าเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพราะต้องแยกแยะว่าใครทำผิดหรือถูก และไม่จำเป็นต้องเข้าข้างตน แต่ขอให้ทุกคนเข้าข้างประเทศไทย และขอให้ทุกคนอย่ามองเพียงแค่ตัวบุคคล แต่ขอให้มองนโยบายและการทำงานของนักการเมือง อย่างไรก็ตาม วันนี้ทุกคนคงทราบดีว่ามีอะไรเสียหายเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งจะชัดเจนในเร็วๆ นี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนี้จะเน้นการลงทุนภาครัฐเท่าที่จำเป็น ซึ่งต้องมีการกู้เงินบ้างบางส่วน แต่จะไม่เหมือนกับที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการสร้างหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่หลายอย่างต้องแก้ปัญหาและส่งคืน และที่ผ่านมาคดีที่ถือว่าหนักที่สุดที่อยู่ระหว่างการพิจารณา คือ คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว เพราะหากไม่หยุด ในวันนี้จะเสียหายเพิ่มขึ้นอีกหลายแสนล้านบาท ไม่นับรวมกับค่าบริหารจัดการที่ต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ก็ยังมีโครงการรถยนต์คันแรกที่เป็นการสร้างความต้องการเทียมขึ้นมาในตลาด ทำให้เสียงบประมาณไปกว่า 8 หมื่นล้านบาท สร้างผลกระทบกับธุรกิจรถยนต์จากการบิดเบือนตลาด

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ทุกคนต้องยอมรับกติกา และต้องคิดว่าอะไรที่จะทำให้อนาคตเดินไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน และควรจะมีกระบวนการ วิธีการ บทเฉพาะกาลหรือรัฐธรรมนูญต้องเป็นอย่างไร ย้ำไม่อยากเขียนรัฐธรรมนูญ เพราะมีผู้ที่ทำหน้าที่อยู่แล้ว และพูดทีเล่นทีจริงว่าหากจะให้ตนเขียนก็เพียง 5 มาตราเพียงพอแล้ว พร้อมกันนี้ เห็นว่าการร่างรัฐธรรมนูญต้องหาปัญหาให้พบและแก้ไข และต้องรู้ว่าในสถานการณ์วันนี้จำเป็นต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญบางอย่าง เพื่อใช้ในช่วงเวลาหนึ่งหรือไม่ หรือว่าจะให้เป็นประชาธิปไตยเพียงอย่างเดียว ซึ่งมองว่าเรื่องนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้ผ่านหรือไม่ผ่านร่างรัฐธรรมนูญ

นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ระมัดระวังในการใช้โซเชียลมีเดีย เพราะจะสร้างความสับสน ความขัดแย้งต่อบ้านเมือง และกระทบต่อการทำงานของหน่วยงานภาครัฐต่างๆ พร้อมกันนี้ยืนยันว่า การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการทุกตำแหน่งเป็นไปตามความเหมาะสมและเพื่อวางอนาคตการทำงานของแต่ละหน่วยงาน โดยไม่ได้แต่งตั้งเพื่อวางคนไว้ปกป้องหรือปกปิดความผิดของตนเอง ไม่มีการให้ต่างตอบแทนหรือมุ่งส่งเสริมเฉพาะคนที่ใกล้ชิดกับตนเอง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ