(เพิ่มเติม2) ผบ.ตร.แถลงคดี ม.112 แก๊งค์"หมอหยอง"แอบอ้างเบื้องสูง,"สามารถฯ"เป็น 1 ใน 13 คดี

ข่าวทั่วไป Wednesday October 28, 2015 16:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)และคณะทำงานคดีหมิ่นสถาบันที่เป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เตรียมแถลงรายละเอียดคดีที่นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง พร้อมพวกคือ นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ เลขาส่วนตัว รวมทั้ง พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา อดีตสารวัตรกองบังคับการปราบปราม ตกเป็นผู้ต้องหาซึ่งมีพฤติกรรมแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์จากการทำเข็มกลัดในกิจกรรม Bike For Mom และ Bike For Dad ซึ่งมีคดีที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น 13 คดี

พล.ต.อ. จักรทิพย์ กล่าวว่า พฤติกรรมของกลุ่มคนดังกล่าวแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อเรียกรับผลประโยชน์และกระทำความผิด ทำให้เกิดความเสียหายต่อสถาบัน เจ้าหน้าที่ทหารใช้อำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบถามข้อมูล จากการซักถามพบว่ามีมูลกระทำความผิดจริง จึงแจ้งความร้องทุกข์กับกลุ่มผู้กระทำความผิดดังกล่าว

ส่วน พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษาสบ.10 และอดีตโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ซึ่งมีข่าวว่ายื่นใบลาออกนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ไม่เห็นหนังสือลาออก ดังนั้นขณะนี้ พล.ต.อ.ประวุฒิ ยังรับราชการอยู่

ด้าน พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนคดีดังกล่าว กล่าวว่า คดีทั้งหมดของผู้ต้องหาทั้ง 3 คน มีจำนวนทั้งสิ้น 13 คดี ซึ่งส่วนใหญ่นายสุริยัน พ.ต.ต.ปรากรม และนายจิรวงศ์ ตกเป็นผู้ต้องหาในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ร่วมกันดูหมิ่นอาฆาตมาดร้าย ด้วยการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง เพื่อขอรับการสนับสนุนในการจัดทำสิ่งของ และเรียกรับผลประโยชน์จากบริษัทเอกชนต่าง ๆ รวมทั้งแอบอ้างเป็นผู้แทนพระองค์นำพระไปมอบให้บริษัทเอกชน

ขณะที่ พ.ต.ต.ปรากรม กับพวก มีข้อหาเกี่ยวกับการมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ทหารพบอาวุธ วิทยุ รถยนต์ ผิดกฎหมาย อีกทั้งร่วมกับ บริษัท สามารถเทเลคอม กับพวกตั้งสถานีวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต และ บังอาจแอบอ้างเบื้องสูงขอสนับสนุนหมายเลขโทรศัพท์เลขสวยจาก กสทช.

พล.ต.ท.ศรีวราห์ ยืนยันมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องในคดีหมิ่นเบื้องสูง แต่อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับเพิ่มเติม ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่าเป็นใครเพราะอยู่ในสำนวนคดี ซึ่งหากพยานหลักฐานพาดพิงถึงใครต้องดำเนินคดีทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นข้าราชการสังกัดไหน

ด้านพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับนายตำรวจทั้ง 8 นายที่ถูกคำสั่งโยกย้ายไปก่อนหน้านี้ มีความเกี่ยวข้องกับพ.ต.ต.ปรากรม หรือ สารวัตรเอี๊ยด

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้นำของกลางที่มีการตรวจยึดจากผู้ต้องหาทั้งหมดมาแสดงในสถานที่แถลงข่าว โดยมีทั้งอาวุธปืนหลาย 10 กระบอก วิทยุสื่อสารจำนวนมาก กีต้าร์ไฟฟ้ามูลค่าสูง และทรัพย์สินมีค่าหลายรายการ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้แก่ พระเครื่อง นอกจากนั้น ยังมีภาพแสดงทรัพย์สินที่เป็นรถยนต์หรูและรถจักรยานยนต์จำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินที่ยึดมาจากที่พักของ พ.ต.ต.ปรากรม

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดเผยแผนผังพฤติกรรมของ นายสุริยัน และนายจิรวงศ์ ได้เรียก บริษัท แมค บารา มาคุยเพื่อสั่งผลิตเข็มกลัดโดยผ่านการแนะนำของฝ่ายจัดซื้อ บริษัท เวิร์คพอยท์ฯ จากนั้นเมื่อวันที่ 17 ก.ค.58 นายสุริยัน สั่งทำเข็มกลัดจำนวน 3 แสนชิ้น ซึ่งต่อมา น.ส.ทิพวรรณ อัศวก้องเกียรติ ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท แมค บารา ได้พบกับ นายสุริยัน และนายจิรวงศ์ โดยน.ส.ทิพวรรณ เสนอราคาเข็ดกลัดชิ้นละ 3.70 บาท แต่นายสุริยันให้เพิ่มราคาเป็น 5.70 บาท แล้วให้เอาเงินส่วนกลางโอนให้นายสุริยัน

จากนั้น น.ส.ทิพวรรณ ส่งใบเสนอราคามาให้บริษัทในเครือเจิญโภคภัณฑ์ โดยแบ่งเสนอราคาเป็น 5 บริษัท รวม 3,049,500 บาท ซึ่งทางเครือซีพีจ่ายค่ามัดจำ 50% จำนวน 1,482,000 บาทให้กับบริษัท แมค บารา และน.ส.ทิพวรรณ ถอนเงินออกจากบัญชีบริษัทจำนวน 1.2 ล้านบาท เข้าบัญชีธนาคารของบุคคลหนึ่ง จากนั้นนำเงินไปซื้อกองทุนสะสมในนามของนายสุริยัน ส่วนอีก 2 แสนบาทเข้าบัญชีของนายจิรวงศ์ 2 แสนบาทที่ได้ถอนเงินมาใช้จนหมด

ส่วนอีกช่วงหนึ่ง เมื่อวันที่ 30 ก.ย.58 นายสุริยัน สั่งทำเข็มกลัดอีก 2 ล้านชิ้น ซึ่ง น.ส.ทิพวรรณ เสนอราคาชิ้นละ 2.75 บาท จากนั้นเสนอราคาให้เครือเมืองไทยบประกันภัย และ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต รวมราคา 19,700,000 บาท โดยทั้งสองบริษัทจ่ายค่ามัดจำ 50% เป็นเงิน 5,350,000 บาท ให้กับบริษท แมคบารา จากนั้น น.ส.ทิพวรรรณ ถอนเงินจากบัญชี 4,773,000 บาท โอนให้กับเครือข่ายของนายสุริยัน และนายจิรวงศ์

*รายละเอียด 13 คดีที่เกี่ยวข้องกับ 3 ผู้ต้องหาสำคัญ

คดีที่ 1 นายสุริยัน พ.ต.ต.ปรากรม และ นายจิรวงศ์ ข้อหาร่วมกันดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายฯ เป็นบริษัทเอกชนคือ เมื่อวันที่ 25 ส.ค.และ 3 ก.ย.ร่วมกันแอบอ้างเป็นผู้แทนพระองค์นำพระขอบคุณไปมอบให้บริษัทเอกชน

คดีที่ 2 พ.ต.ต.ปรากรม และพวก ในข้อหามีอาวึธปืนที่นายทะเบียนไม่ได้ถออกให้ไว้ในความครอบครอง ตั้งสถานี มีและใช้วิทยุโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาต ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ที่คอนโดลา เมอซอง เมื่อวันที่ 16 ต.ค.58 เจ้าหน้าที่ทหารได้ร่วมกันทำการตรวจค้นพบอาวุธ วิทยุ และรถยนต์ที่ผิดกฎหมาย

คดีที่ 3 พ.ต.ต.ปรากรม ร่วมกับบริษัท สามารถเทเลคอม กับพวก ข้อหามีและตั้งวิทยุโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่อาคารใบหยก 2 พฤติการณ์คือ ตรวจพบเครื่องรับ-ส่งวิทยุแบบทบทวนสัญญาณ คลื่นความถี่ UHF ยี่ห้อโมโตโรล่า ของ พ.ต.ต.ปรากรม ติดตั้งที่ชั้น 84

คดีที่ 4 พ.ต.ต.ปรากรม กับพวก ข้อหามีอาวุปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะบียนไม่ได้ออกให้ไว้ในความครอบครอง มีการตรวจค้นรถที่ยึดจากคอนโดฯ พบอาวุธปืน HK พร้อมด้วยกระสุน 80 นัด

คดีที่ 5 นายสุโข ตามเสรี ข้อหามีอาวุปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่ตำรวจพบอาวุธปืน .38 ที่บ้านพักของผู้ต้องหา

คดีที่ 6 พ.ต.ต.ปรากรม ข้อหาร่วมกันหมิ่น ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้าย ซึ่งผู้ต้องหากับพวกได้แอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเรียกและรับผลประโยชน์จากภาคเอกชน

คดีที่ 7 นายสุริยัน พ.ต.ต.ปรากรม และ นายจิรวงศ์ ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย ผู้ต้องหากับพวกแอบอ้างเบื้องสูงขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของและเรียกรับผลประโยชน์จากการกระทำดังกล่าว เป็นเงินจำนยวน 3 แสนบาท

คดีที่ 8 นายสุริยัน และนายจิรวงศ์ ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย โดยแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหาหนคร เพื่อขอรับสนับสนุนจัดทำสิ่งของ เรียกและรับผลประโยชน์จากบริษัทเอกชนเป็นเงิน 3 แสนบาท

คดีที่ 9 นายสุริยัน และนายจิรวงศ์ ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย โดยแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในจ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อขอรับสนับสนุนจัดทำสิ่งของ เรียกและรับผลประโยชน์จากบริษัทเอกชนเป็นเงิน 1 แสนบาท

คดีที่ 10 นายสุริยัน และนายจิรวงศ์ ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย โดยแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในจ.สมุทรปราการ เพื่อขอรับสนับสนุนจัดทำสิ่งของ เรียกและรับผลประโยชน์จากบริษัทเอกชนเป็นเงิน 3 แสนบาท

คดีที่ 11 นายสุริยัน และนายจิรวงศ์ ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย โดยแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในจ.สมุทรปราการ เพื่อขอรับสนับสนุนจัดทำสิ่งของ เรียกและรับผลประโยชน์จากบริษัทเอกชนเป็นเงิน 2 แสนบาท

คดีที่ 12 พ.ต.ต.ปรากรม และพวก ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย มีพฤติการณ์แอบอ้างสถาบันเบื้องสูงกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ขอรับสนับสนุจัดทำสิ่งของ เรียกและรับผลประโยชน์จากบริษัทเอกชนเป็นเงิน 4.7 ล้านบาท

คดีที่ 13 พ.ต.ต.ปรากรม มีพฤติการณ์แอบอ้างสถาบันเบื้องสูงขอรับสนับสนุนขอหมายเลขโทรศัพท์เลขสวยจาก กสทช.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ