(เพิ่มเติม1) ผบ.ตร.ยันไม่มี IS แม้รัสเซียแจ้งเตือนจริงแต่ยังเป็นแค่การข่าว

ข่าวทั่วไป Friday December 4, 2015 15:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ยืนยันว่า หนังสือที่ระบุว่ารัสเซียเตือนว่ามีสมาชิกกลุ่ม IS เดินทางเข้ามากบดานในประเทศไทยนั้น เป็นหนังสือที่ออกจากทางกองกำกับการตำรวจสันติบาลจริง ซึ่งเป็นกระบวนการทำงานตามขั้นตอนที่ต้องแจ้งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รับทราบ

อย่างไรก็ดี เนื้อหาในหนังสือเตือนดังกล่าวยังเป็นเพียงแค่การข่าว ยังไม่มีการพิสูจน์ทราบในรายละเอียด ดังนั้นจะต้องขอไปตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริงก่อน และได้แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปด้วย

รองโฆษกตร. กล่าวว่า เมื่อมีหนังสือแจ้งเตือนออกมา ทางสตช.จะต้องเพิ่มความเข้มงวดในทุกๆ ด้าน ทั้งในด้านการข่าว การดูแลรักษาความปลอดภัย และการวางกำลังที่เข้มข้นขึ้น ในขณะที่อาจจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยในส่วนของสถานทูตและแหล่งชุมชนให้มากขึ้น

ส่วนกรณีที่ว่ากลุ่ม IS เดินทางเข้าประเทศไทยจริงหรือไม่นั้น รองโฆษก สตช.กล่าวเพียงว่า เรื่องนี้ต้องขอตรวจสอบก่อน ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง ซึ่งเมื่อมีการแจ้งเตือนมา ทางสตช.ก็ไม่ประมาท

"เข้าจริงหรือไม่จริง ยังไม่ทราบ ต้องขอไปตรวจสอบก่อน แต่เมื่อแจ้งเตือนกันมา เราก็ไม่ประมาท ... ตอนนี้ยังเป็นเพียงแต่การข่าว เมื่อมีหนังสือมาอย่างนี้ เราก็ต้องเพิ่มความเข้มงวด ทั้งการข่าว การดูแลรักษาความปลอดภัย และการวางกำลังที่ต้องเข้มข้นขึ้น"พล.ต.ต.ทรงพล กล่าว

ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ยอมรับว่า หนังสือแจ้งเตือนกรณีกลุ่ม IS ซึ่งเป็นชาวซีเรียจำนวน 10 คนเข้ามาในประเทศไทยนั้น เป็นเอกสารฉบับจริง ซึ่งเป็นขั้นตอนทางธุรการที่ทำเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งหลังจากที่ สตช.ได้รับการแจ้งเตือนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้เตรียมเฝ้าระวังกันเป็นการภายใน แต่ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่มีขบวนการ IS ในประเทศ และประเทศไทยไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับกลุ่มดังกล่าว

"ยืนยันว่าเรื่อง IS บ้านเราไม่มี ผมอยู่กับการข่าวมาตลอด และประเทศไทยไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้ง แต่ในเรื่องการข่าวมีไว้สำหรับ alert ให้เจ้าหน้าที่ทำงาน"ผบ.ตร.กล่าว

นอกจากนี้ ได้รับรายงานกรณีชาวซีเรียเดินทางเข้าประเทศไทย 200 คนเมื่อกลางเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยว และขณะนี้เหลืออยู่ในประเทศไทยไม่ถึง 20 คน ซึ่งเมื่อถึงกำหนดวีซ่าก็ต้องเดินทางออกนอกประเทศ ไม่เช่นนั้นจะผิดกฎหมาย

"ใน 10 คนนี้ อาจจะอยู่ใน 200 คนก็ได้ หรืออาจจะไม่เกี่ยวข้องเลยก็ได้ ข่าวก็คือข่าว แต่เราก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลยไม่สนใจในเรื่องการข่าว" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ระบุ

อย่างไรก็ตาม สำหรับหนังสือแจ้งเตือนที่หลุดออกมานั้น ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. ไปตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเอกสารดังกล่าวหลุดออกมาได้อย่างไร และผู้ที่นำหนังสือลับออกมาเผยแพร่นั้นมีเจตนาเช่นใด เพราะเรื่องนี้จะทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนกได้ แม้จะมองในอีกแง่หนึ่งว่าเมื่อประชาชนรับทราบข้อมูลแล้วจะได้ทำให้ประชาชนช่วยสอดส่องเป็นหูเป็นตาให้แก่เจ้าหน้าที่ก็ตาม

"ก็ขอให้ท่านศรีวราห์ไปตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเอกสารหลุดรอดไปได้อย่างไร อยากรู้ขั้นตอน...มันมองได้ 2 มิติ คือ เราเกรงว่าประชาชนจะตื่นตระหนก แต่อีกแง่หนึ่งมันเป็นงานรูทีนปกติของเราอยู่แล้ว" ผบ.ตร.กล่าว

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีการสั่งการให้เฝ้าระวัง เนื่องจากนายกรัฐมนตรีเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยเป็นปกติอยู่แล้ว ทั้งนี้หน่วยงานด้านความมั่นคงได้มีความเข้มงวดในเรื่องการรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษอยู่ในแล้วตั้งแต่ในช่วงเดือนพ.ย.และธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงเดือนที่มักจะมีการจัดกิจกรรมสำคัญต่างๆ ในช่วงปลายปี และได้มอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 จับตาดูแลเป็นพิเศษในพื้นที่จังหวัดชลบุรี พัทยา

ทั้งนี้ ผบ.ตร. ยอมรับว่า ประเทศที่แจ้งข้อมูลเตือนภัยให้แก่ประเทศไทยไม่ได้มีเฉพาะประเทศรัสเซียเท่านั้น แต่ยังมีประเทศอื่นๆ ด้วย แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ามีประเทศใดบ้าง

ส่วนกระแสข่าวการควบคุมตัวนางวรรณา สวนสัน ผู้ต้องหาคดีระเบิดแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร ได้ที่ประเทศตุรกีพร้อมกับชายชาวต่างชาติที่คาดว่าจะเป็นสามีของนางวรรณานั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า กำลังหารือในเรื่องดังกล่าวกับพล.ต.ท.ศรีวราห์ ซึ่งทางการทูตมีช่องทางการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนอยู่แล้ว อีกทั้งไทยกับตุรกีก็มีสนธิสัญญาในเรื่องดังกล่าวร่วมกัน เบื้องต้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่ได้รับการประสานจากสถานทูตตุรกีแต่อย่างใด

"ในทางการทูต หรือในทาง Interpol ก็มีช่องทางอยู่แล้ว เป็นเรื่องของภายนอกประเทศ คงต้องติดต่อกัน" ผบ.ตร.กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ