รมว.สธ.กำชับเร่งแก้ไข 3 จุดเสี่ยงสำคัญเกิดอุบัติเหตุบ่อยใน จ.ปทุมธานี

ข่าวทั่วไป Wednesday December 30, 2015 11:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการลงพื้นที่ติดตามการป้องกันการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการจราจร ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ว่า กระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้การป้องกันการบาดเจ็บจากการจราจรเป็นวาระสำคัญ รณรงค์เข้มข้นในช่วงเทศกาลและต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์หาสาเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บจากจราจร นำมาวางแผนแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งรัฐ เอกชน อาสาสมัคร ประชาชนในพื้นที่วิเคราะห์ กำหนดจุดเสี่ยง และแก้ไขร่วมกัน

ที่ จ.ปทุมธานี ได้ร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นดำเนินการแก้ไขจุดเสี่ยง ได้นำเสนอตัวอย่างการแก้ไขจุดเสี่ยงไว้หลายจุด โดยมีตัวอย่างจุดที่สำคัญ 3 จุด ได้แก่ จุดกลับรถบริเวณหน้าที่ทำการไปรษณีย์ ถนนรังสิต-นครนายกระหว่างคลอง 1– 2 จุดกลับรถหน้าโรงพยาบาลเอกปทุม บริเวณทางร่วมหลายๆ แยกขึ้นสะพานกลับเข้ากรุงเทพ ได้แก้ไขโดยการปิดจุดกลับรถ และติดตั้งแบริเออร์กั้นแบ่งช่องจราจรให้ชัดเจน รวมทั้งการจัดระเบียบจราจร นับว่าเป็นการแก้ไขปัญหาให้เห็นเป็นรูปธรรม เป็นตัวอย่างการปิดจุดเสี่ยงที่ได้ผลดีอีกรูปแบบหนึ่ง

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการตั้งด่านชุมชนในเขตเมือง เนื่องจากสภาพบริบทของพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเขตเมืองมีคนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น ทั้งเป็นทางผ่านเข้ากรุงเทพมหานคร และมีหมู่บ้านจัดสรรจำนวนมาก มีการจราจรที่คับคั่ง ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ดังนั้นการป้องกันอุบัติเหตุจากการจราจรจะเน้นตั้งด่านชุมชนในเขตเมือง ซึ่งมีรูปแบบการดำเนินงานต่างจากชนบท โดยความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ อาสาสมัครต่างๆ เช่น อปพร. อสม. และความร่วมมือกับภาคเอกชนจากนิติบุคคลของหมู่บ้านจัดสรร ในการร่วมกันตั้งด่านชุมชน และการออกหน่วยเคลื่อนที่ ตระเวนไปยังจุดเสี่ยงต่างๆ เพื่อสกัดกั้นและป้องปรามผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงไม่ให้ออกมาขับขี่รถบนท้องถนน และดูแลความสงบเรียบร้อยของชุมชนได้อีกทางหนึ่งด้วย เช่น ปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรม เป็นต้น

ทั้งนี้ ข้อมูลการบาดเจ็บจากจราจร จ.ปทุมธานี ในปี 2557 มีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 135 ราย และในเทศกาลปีใหม่ 2558 ที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 19 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บนอนโรงพยาบาล 19 คน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ