กรมป้องกันฯ ประสานช่วยเหลือ 12 จ.ภัยแล้ง ย้ำแก้ปัญหาด้วยกลไกประชารัฐ

ข่าวทั่วไป Monday February 15, 2016 15:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายพื้นที่ของประเทศได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง โดยปัจจุบันมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) 12 จังหวัด 43 อำเภอ 206 ตำบล 1,826 หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 2.44 ของจำนวนหมู่บ้านทั่วประเทศ แยกเป็น ภาคเหนือ 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย, เชียงใหม่, อุตรดิตถ์, พะเยา และสุโขทัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา, นครพนม, มหาสารคาม และบุรีรัมย์ ภาคกลาง 2 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี และเพชรบุรี ภาคตะวันออก 1 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว

ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง โดยสูบน้ำจากแหล่งน้ำดิบส่งเข้าพื้นที่การเกษตร รวม 1,602,572 ลูกบาศก์เมตร สูบน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อส่งน้ำเข้าแหล่งน้ำดิบสนับสนุนการผลิตน้ำประปา จำนวน 4,920,365,000 ลิตร แจกจ่ายน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภค รวม 107,860,000 ลิตร และผลิตน้ำดื่มสะอาดแจกจ่ายแก่ประชาชน รวม 1,104,000 ลิตร อีกทั้งได้ประสานจังหวัดจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจจัดทำบัญชีแหล่งน้ำ ปริมาณน้ำที่ใช้การได้ ความต้องการใช้น้ำของประชาชน เพื่อนำข้อมูลมาวางแผนการจัดสรรน้ำให้เกิดความสมดุลและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในแต่ละพื้นที่

รวมถึงขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาภัยแล้งโดยใช้กลไกประชารัฐ ในการสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาภัยแล้ง จัดทำประชาคมหมู่บ้านเพื่อกำหนดกติกาการใช้น้ำร่วมกันให้มีความเท่าเทียมและเป็นธรรม ตลอดจนจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังบริเวณจุดเสี่ยงที่มักมีการลักลอบสูบน้ำ กรณีเกิดปัญหาการแย่งน้ำ ให้เน้นการเจรจาและทำความตกลงร่วมกัน เพื่อป้องกันการระดมมวลชนสร้างสถานการณ์ซ้ำเติมปัญหาภัยแล้งให้ขยายวงกว้างมากขึ้น

สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้เน้นจัดสรรน้ำในพื้นที่ประสบภัยแล้งอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับน้ำอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก และใช้ประโยชน์จากน้ำทุกแหล่งให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมประสานจัดทำฝนหลวงเมื่อสภาพอากาศเอื้ออำนวย ดำเนินการขุดเจาะบ่อบาดาล เป่าล้างบ่อบาดาลเดิมและติดตั้งเครื่องสูบน้ำระยะไกล เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในแหล่งน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปา

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด เตรียมสำรองน้ำไว้อุปโภคบริโภค เกษตรกรควรวางแผนการเพาะปลูกพืชให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำและแผนการจัดสรรน้ำในพื้นที่ โดยเลือกปลูกพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อยแทนการทำนาปรัง เพื่อป้องกันมิให้ผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหาย จะช่วยให้มีน้ำอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศเพียงพอตลอดช่วงฤดูแล้ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ