สรุปอุบัติเหตุทางถนนรวม 6 วัน (11 - 16 เม.ย.59) เกิดอุบัติเหตุรวม 3,104 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 397 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 3,271 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต มี 5 จังหวัด ได้แก่ ตราด แพร่ ยะลา ระนอง และหนองบัวลำภู จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 158 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา 18 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 166 คน
สำหรับผลการปฏิบัติงานตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 46/2558 ประจำวันที่ 16 เมษายน 2559 ตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาทด้วยการดื่มแล้วขับ 75,277 ราย แยกเป็น รถจักรยานยนต์พบการกระทำผิด 28,609 ราย ดำเนินการยึดรถ 865 คัน ยึดใบอนุญาตขับขี่ 104 ราย และส่งดำเนินคดีทางกฎหมาย 18,375 ราย รถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล ตรวจพบผู้กระทำผิด 15,421 ราย ดำเนินการยึดรถ 298 คัน ยึดใบอนุญาตขับขี่ 612 ราย และส่งดำเนินคดีทางกฎหมาย จำนวน 10,993 ราย
สรุปผลการดำเนินการสะสมระหว่างวันที่ 9 – 16 เมษายน 2559 ตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ โดยประมาทด้วยการดื่มแล้วขับ 355,673 ราย แยกเป็น ยึดใบอนุญาตขับขี่ 16,346 ราย ส่งดำเนินคดีทางกฎหมาย 110,909 ราย ยึดรถ 5,772 คัน ประกอบด้วย รถจักรยานยนต์ 4,353 คัน และรถยนต์ส่วนบุคคล 1,419 คัน
นายอาคม กล่าวต่อไปว่า วันนี้เป็นวันหยุดสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางกลับจากภูมิลำเนาและการท่องเที่ยว ทำให้การจราจรบนเส้นทางสายหลัก โดยเฉพาะขาเข้ากรุงเทพมหานครมีปริมาณรถหนาแน่น ประกอบกับการเดินทางหลายวัน ทำให้ผู้ขับขี่มีอาการอ่อนล้า จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุง่วงหลับใน ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน จึงได้เน้นย้ำจังหวัดเพิ่มจุดตรวจ จุดบริการบนเส้นทางสายหลัก เข้มข้นการดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน ทั้งการอำนวยการจราจรให้มีความคล่องตัว การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยกวดขันความพร้อมของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะผู้ขับรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ทั้งประจำทางและไม่ประจำทางต้องมีระดับแอลกอฮอล์เป็น “ศูนย์" เพื่อป้องกันอุบัติเหตุขนาดใหญ่ อีกทั้งให้เตรียมพร้อมระบบขนส่งสาธารณะให้มีความปลอดภัยและเพียงพอต่อการรองรับการเดินทางกลับของประชาชน ทั้งรถโดยสาร รถไฟ และเครื่องบิน ขณะเดียวกันให้กำชับด่านชุมชน ยังคงปฏิบัติหน้าที่ดูแลถนนสายรอง โดยเฉพาะเส้นทางเชื่อมต่อเข้าสู่เส้นทางสายหลัก เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการอำนวยการจราจรและดูแลความปลอดภัยสูงสุดแก่ประชาชนในทุกเส้นทาง