(เพิ่มเติม) ไทย-ลาวเตรียมเซ็น MOU ความร่วมมือด้านแรงงานและพัฒนาความร่วมมือใน CLMV

ข่าวทั่วไป Wednesday July 6, 2016 16:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้การต้อนรับนายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และภริยา พร้อมคณะ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล

เช้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ นำนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว เดินตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ณ สนามหญ้า หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นผู้นำทั้งสองประเทศหารือข้อราชการทั้งทวิภาคี และหารือข้อราชการเต็มคณะ ในความร่วมมือที่ดีของไทย-ลาว และกลุ่มประเทศ CLMV เพื่อผลักดันความร่วมมือด้านต่างๆ ที่มีอยู่แล้วให้มีความก้าวหน้า และเป็นไปตามยุทธศาสตร์สร้างเข้มแข็งไปพร้อมกันของสมาชิกอาเซียน

นอกจากนี้ ในเวลา 12.00 น.นายกรัฐมนตรีของทั้งไทยและ สปป.ลาว จะร่วมเป็นสักขีพยานพิธีลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน การจ้างแรงงานและการคุ้มครองแรงงาน จากนั้นนายกรัฐมนตรีของไทยจะเป็นเจ้าภาพในงานเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อเป็นเกียรติแด่นายกรัฐมนตรี สปป.ลาวและภริยา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

สำหรับการเดินทางเยือนครั้งนี้เป็นการเยือนประเทศไทยครั้งแรกของนายทองลุน สีสุลิด ในฐานะนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ซึ่งเป็นโอกาสที่สองฝ่ายจะสร้างความคุ้นเคยและกระชับความสัมพันธ์ระดับผู้นำ และร่วมกันกำหนดวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนความสัมพันธ์ไทย - ลาวต่อไป

พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปผลหารือข้อราชการระหว่างนายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมายาวนาน ทั้งในด้านประวัติศาสตร์ ศาสนา ภาษา วัฒนธรรม ซึ่งมีความแน่นแฟ้นและลึกซึ้งในทุกมิติและทุกระดับ โดยนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว เห็นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกันในช่วงปัจจุบันอยู่ในระดับที่ดีมากและนับว่ามีความใกล้ชิดกันสูงสุด และเชื่อว่าการหารือในวันนี้จะเป็นการปูทางความร่วมมือระหว่างกัน ก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือ (JC) ลาว-ไทย ครั้งที่ 21 และการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (JCR) ลาว-ไทย ครั้งที่ 3 ที่ฝ่ายลาวจะเป็นเจ้าภาพ

ส่วนความสัมพันธ์ด้านการเมืองและความมั่นคงนั้น นายกรัฐมนตรี เห็นว่า มีความก้าวหน้าในหลายประเด็นและเห็นพ้องที่จะเปิดช่องทางให้ผู้นำสองประเทศสามารถพูดคุยระหว่างกันโดยตรง เพื่อสร้างความใกล้ชิดและความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างสองประเทศ ลดความหวาดระแวงในเรื่องที่เป็นอุปสรรคระหว่างกัน อาทิ เรื่องเขตแดน ซึ่งไทยสนับสนุนให้ใช้กลไกระดับทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่ตามแนวชายแดน ซึ่งไทยมีนโยบายที่มิให้นำเรื่องเขตแดนมาเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา แต่ให้เป็นเส้นเขตแดนแห่งความร่วมมือ ในโอกาสนี้ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ผลการดำเนินการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกร่วมไทย-ลาวมีความคืบหน้าและมีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว เสนอให้เริ่มทำการปักปันเขตแดนในจุดที่สองประเทศตกลงกันได้แล้ว เพื่อช่วยส่งเสริมการไปมาหาสู่ระดับประชาชนให้มากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีการหารือเกี่ยวกับการเปิดจุดผ่านแดน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ รมว.มหาดไทย ไปศึกษาจุดผ่านแดนที่สองฝ่ายเห็นว่ามีศักยภาพก่อน ตามลำดับความสำคัญเพื่อเตรียมความพร้อม

ด้านพลังงาน นายกรัฐมนตรีชื่นชมนโยบาย “แบตเตอรี่แห่งเอเชีย" ของลาว ซึ่งจะช่วยในการส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานให้ไทย และสนับสนุนความเชื่อมโยงด้านพลังงานกับลาว รวมถึงการลงทุนด้านพลังงานของภาครัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนไทยในลาว

ด้านความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำ ไทยและลาวในฐานะประเทศที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เห็นพ้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสองประเทศไปศึกษาแนวทางการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำโขง และนำมารายงานแก่รัฐบาลของสองประเทศ เพื่อจะได้นำไปหารือแนวทางการจัดการน้ำอย่างเป็นระบบกับประเทศที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงแรงงาน เป็นผู้รับผิดชอบหลัก

ด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยและลาวถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการเชื่อมโยงในภูมิภาค โดยไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในบริเวณพื้นที่ที่สองฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน เพื่อสร้างจุดเชื่อมโยง (land link) ในภูมิภาค โดยเห็นว่า ไทยและลาวควรร่วมมือกันส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศ ทั้ง hardware และ software connectivity

นอกจากนี้ ไทยให้ความสำคัญกับ CLMVT ซึ่งการเดินทางเยือนประเทศต่างๆ เพื่อแสวงหาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พบว่า หลายประเทศให้ความสำคัญกับ CLMVT ในฐานะ supply chain ของอาเซียน ไทยจึงเห็นว่ากลุ่มประเทศ CLMVT ควรมีการทำยุทธศาสตร์ร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในอนุภูมิภาคนี้ โดยเน้นการสร้างความเชื่อมโยงทั้งทางถนน สะพาน และรถไฟ ตลอดจนทางเดินอากาศ เพื่อเชื่อมสู่ประเทศอื่นๆ ทั้งในอาเซียน และนอกอาเซียน อาทิ จีนและอินเดีย

ด้านการท่องเที่ยว ไทยได้ย้ำถึงนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามแดนแบบ Thailand+1 ในลักษณะ joint tourism package และ 2 countries 1 destination ซึ่งสามารถใช้รูปแบบการพัฒนานี้เป็นแนวทางการพัฒนาพื้นที่ชายแดนอื่นไปพร้อม ๆ กันได้ ทั้งนี้ ไทยตั้งเป้าหมายให้แผนแม่บทดังกล่าวแล้วเสร็จก่อนการประชุม JC ลาว-ไทย ครั้งที่ 21

ด้านการค้า การลงทุน ทางฝ่ายลาวได้แสดงความประสงค์ให้ไทยเข้าไปลงทุนในลาวมากขึ้น โดยเฉพาะการทำการเกษตรอินทรีย์ ที่รัฐบาลลาวให้ความสำคัญกับการเพาะปลูกโดยปราศจากสารพิษ ซึ่งไทยพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนและประสานความร่วมมือระหว่างกันอย่างใกล้ชิด

ด้านการศึกษา รัฐบาลลาวแสดงความขอบคุณไทยที่ได้มอบทุนการศึกษาและการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง พร้อมกล่าวชื่นชมโครงการของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาว่า เป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือที่ช่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นประโยชน์ให้แก่ประชาชนลาวอย่างแท้จริง

ด้านความร่วมมือเพื่อการพัฒนา นายกรัฐมนตรีถือโอกาสนี้ขอบคุณที่ทางการลาวน้อมนำหลักการเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปปฏิบัติ และช่วยเผยแพร่หลักการดังกล่าวอย่างแพร่หลาย พร้อมยึดมั่นนโยบายการเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาอย่างยั่งยืนกับลาวต่อไป

นายกรัฐมนตรี ยังแสดงความยินดีกับการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนของลาว โดยเชื่อมั่นว่าลาวจะมีบทบาทที่เข้มแข็งในการนำพาสมาชิกอาเซียนไปสู่การเป็นประชาคมอย่างแท้จริง พร้อมย้ำคำเชิญนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว เข้าร่วมการประชุมสุดยอด Asia Cooperation Dialogue (ACD) ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 9–10 ตุลาคม 2559 ที่กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ได้ขอบคุณที่รัฐบาลไทยให้การดูแลแรงงานลาวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยเป็นอย่างดี ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แรงงานลาวถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสองประเทศ ปัจจุบันรัฐบาลไทยกำลังเร่งจัดระเบียบแรงงานให้เป็นระบบ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้ามาทำงานของแรงงานจากลาว ทั้งรูปแบบแรงงานรายวัน รายปี และแรงงานตามฤดูกาล เพื่อให้แรงงานดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องและได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ทางการฝ่ายลาวเพิ่มจุดพิสูจน์สัญชาติ เพื่อการป้องกันการถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้างด้วย ซึ่งวันนี้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานฉบับใหม่ ซึ่งจะเป็นแนวทางการเสริมสร้างประสิทธิภาพในความร่วมมือด้านแรงงานต่อไป โดยเห็นพ้องให้เร่งเจรจาเพื่อจัดทำบันทึกข้อตกลง (Agreement) ว่าด้วยการจ้างงานให้แล้วเสร็จภายในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ