โฆษกรบ.แจงเพจปลอมอ้างชื่อพล.อ.ประยุทธ์พาดพิงเหตป่วนเมือง วอนหยุดแชร์,ขอสื่ออย่าโหมเกาะติดจนอาจเกิดกระแสวิตก

ข่าวทั่วไป Saturday August 13, 2016 09:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มีเพจแพร่กระจายในโซเชี่ยลมิเดีย อ้างชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีเนื้อหาเขียนพาดพิงถึงหลายหน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ เกี่ยวกับสถานการณ์ระเบิดป่วนเมืองที่เกิดขึ้น ว่าขอยืนยันว่าเพจดังกล่าวไม่ใช่เพจของท่านนายก เพราะท่านนายกไม่เคยใช้ facebook และจะไม่ใช้ช่องทางการสื่อสารเช่นนี้ในการอธิบายความเรื่องสำคัญกับพี่น้องประชาชน ดังนั้นหากพี่น้องประชาชนท่านใดได้รับการส่งต่อข้อความดังกล่าว ขอให้ยุติการเผยแพร่ ไม่ควรที่จะกระจายต่อไปให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ประเทศในภาพรวม

พลตรีสรรเสริญ กล่าวต่อว่า เชื่อว่าคนที่เขียนเพจดังกล่าวขึ้น คงวิเคราะห์ไปตามความรู้สึกและความเชื่อส่วนบุคคลทั้งนี้ขอยืนยันอีกครั้งว่าข้อมูลที่ปรากฎไม่ใช่ความคิดเห็นของท่านนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ติดตามสถานการณ์การก่อความวุ่นวายในช่วงวันที่ผ่านมาอย่างใกล้ชิด และฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่ร่วมมือกันตรวจตราและกวดขันเรื่องความปลอดภัยในทุกพื้นที่ และขอให้ถือปฏิบัติต่อไป

"ท่านนายกฯขอทุกหน่วยให้ถือเอาสวัสดิภาพของทุกคนที่อยู่บนแผ่นดินไทย รวมทั้งความสงบเรียบร้อยของชาติเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่ต้องร่วมกันปกป้องดูแล มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้และทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ความเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ถือเป็นบททดสอบอีกครั้งว่า ความคิดดีตั้งใจดีย่อมเอาชนะการกระทำที่เลวร้ายทั้งปวง"

พลตรีสรรเสริญ กล่าวต่อว่า อยากฝากไปถึงสื่อกระแสหลักที่โหมรายงานข่าวเกาะติด ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนอาจสร้างกระแสความวิตกเกินกว่าเหตุในสังคมว่า พฤติกรรมเช่นนี้อาจกลายเป็นแนวร่วมมุมกลับให้แก่ผู้ก่อเหตุร้าย ที่ต้องการสร้างความวุ่นวายในสังคม

"อยากให้สื่อรายงานข่าวอย่างสมดุล และเหมาะสม รวมถึงคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดตามมาต่อประเทศโดยรวม โดยอาจเรียนรู้จากประสบการณ์การกระทำในอดีต เช่นการเกาะติดรายงานข่าวอาจารย์ยิงตัวเองที่ผ่านมา มาเป็นแนวทางปฏิบัติในปัจจุบันว่าอะไรควร อะไรไม่ควร เพียงใด แค่ไหน"พลตรีสรรเสริญ

สำหรับสื่อมวลชนบางกลุ่ม บางสังกัด ที่มีพฤติกรรมเลือกข้าง และแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ในประเทศเกินเลยจากสิ่งที่เกิดขึ้น ขอให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว เพราะสะท้อนให้เห็นต้นตอความคิดและจิตใจ ที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติและประชาชน

รวมทั้งรายงานข่าวที่ไร้ความรับผิดชอบเหล่านั้นอาจส่งผลให้ชาวต่างประเทศซึ่งไม่ได้ใกล้ชิดกับข้อเท็จจริงเกิดความวิตกกังวล จนส่งผลต่อการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ซึ่งท้ายที่สุดแล้วผลเสียจะตกแก่ประเทศชาติและประชาชนในภาพรวม

"รัฐบาลไม่เคยให้ร้าย หรือเลือกข้างเลือกฝ่าย และพยายามอดกลั้นต่อพฤติกรรมหมิ่นเหม่เหล่านี้มาโดยตลอด แต่หากพฤติกรรมล้ำเส้นเหล่านี้กระทบต่อสวัสดิภาพและความสุขสงบของบ้านเมืองอย่างชัดเจน เจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่เกี่ยวข้องคงต้องพิจารณาดำเนินการตามกรอบกฎหมาย เพื่อดำรงความสุขสงบของส่วนรวม"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ