พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมาเปิดเผยข้อมูลทางการข่าวว่าอาจมีการก่อความไม่สงบในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลว่า เป็นการแจ้งเตือน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตื่นตัวในการทำงาน พร้อมทั้งให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ หากพบสิ่งผิดปกติ เช่น ยานพาหนะต้องสงสัยที่ตำรวจได้แจ้งไว้ว่าจะมีการใช้เป็นยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุก็ให้รีบแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ เป็นต้น
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนมตรี และ รมว.กลาโหม ได้ให้ประชาคมข่าวกรองทั้งหมดเร่งติดตามและแจ้งเตือนกัน หากมีอะไรผิดปกติจะต้องเร่งดำเนินการระงับยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุ
ส่วนการแจ้งเตือนจากอัครราชทูตด้านการก่อต้านการก่อการร้ายออสเตรเลียนั้น เลขาธิการ สมช.กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการข่าวที่ร่วมกันติดตามคอยดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ อย่างใกล้ชิด ซึ่งสิ่งที่ประชาคมข่าวกรองร่วมกันทำจะไม่ค่อยมีใครรับทราบ เพราะเป็นการติดตามกลุ่มต่างๆ ที่อาจจะสร้างความวุ่นวายและก่อเหตุร้าย
พล.อ.ทวีป กล่าวอีกว่า นอกจากพื้นที่ 3 จุดใน กทม.และปริมณฑลที่การข่าวอ้างถึงแล้ว พล.อ.ประวิตร ได้สั่งการให้ดูแลในภาพรวมเพิ่มเติม แต่คงไม่สามารถดูได้ในทุกพื้นที่ในเวลาเดียวกัน จึงต้องเพ่งเล็งเป็นจุดๆ ตามที่ได้รับข่าวมา
ส่วนการแจ้งเตือนครั้งนี้จะมีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุใน 7 จังหวัดภาคใต้ เมื่อวันที่ 11-12 ส.ค.หรือไม่นั้น พล.อ.ทวีป กล่าวว่า เป็นเรื่องที่มีความต่อเนื่องกัน เป็นผู้ที่มีความเห็นต่างที่มีความคิดเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างพยายามจะก่อความไม่สงบขึ้นมา ทำให้เกิดเป็นประเด็น และต้องการแสดงออก
อย่างไรก็ดี ยังไม่สามารถเชื่อมโยงถึงได้ว่าเป็นกลุ่มใด มีเพียงรายงานข่าวที่แจ้งเข้ามา แต่สิ่งที่เราทำคือ เมื่อได้รับข่าวสารต้องนำมาวิเคราะห์ในหลายจุด ทำให้เป็นข่าวที่มีข้อมูลมากขึ้น ก่อนที่จะวิเคราะห์ว่าเป็นการก่อเหตุของกลุ่มไหน แต่ยืนยันว่าได้มีการติดตามความเคลื่อนไหวของทุกกลุ่ม ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มความเคลื่อนไหวทางการเมือง
"เราไม่สามารถติดตามแค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ ถ้ากลุ่มใดมีพฤติกรรม หรือเตรียมการจะทำอะไรที่เป็นผลกระทบต่อประเทศไทย หรือชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ก็ต้องดำเนินการเอาผิดกับกลุ่มเหล่านั้น" เลขาธิการ สมช.กล่าว
พล.อ.ทวีป ยังชี้แจงถึงเหตุผลที่มีการแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบ เนื่องจากต้องการให้ประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแล หากพบความผิดปกติใกล้ๆ บ้าน ก็ช่วยแจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่รับทราบ เพื่อจะได้สืบสวนขยายผลต่อ เป็นการแจ้งเตือนไม่ให้เกิดเหตุ ซึ่งการแจ้งเตือนล่วงหน้า เป็นวิธีการหนึ่งในการป้องปราม ว่าเราติดตามความเคลื่อนไหวตลอดเวลาให้เกิดความสงบเรียบร้อย
"การเฝ้าระวังขณะนี้ ขอใช้คำว่าเตรียมการเต็มที่ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุ เรียกว่าเต็มขีดความสามารถ และยังไม่ใช่สถานการณ์ที่ตึงเครียด" เลขาธิการ สมช.กล่าว
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกระแสข่าวเรื่องคาร์บอมบ์ในกทม.ว่า กำลังตรวจสอบอยู่