นายกฯปลื้ม“บลูมเบิร์ก"ตีข่าวดัชนีความทุกข์ไทยต่ำสุด แนะคนไทยต้องมีภูมิคุ้มกันกระแสทุนนิยม

ข่าวทั่วไป Saturday March 11, 2017 09:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ว่า สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้เผยแพร่ผลการจัดอันดับตามดัชนีความทุกข์ยาก (Misery Index)ประจำปี 2560 แล้วว่าประเทศไทยของเรามีระดับความทุกข์ยากต่ำที่สุดในโลก หรือมีความสุขที่สุดในโลก

"ผมขอชื่นชมหน่วยงานทุกฝ่ายของภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งเครือข่ายประชารัฐที่ร่วมกันสร้างความสุขรวมถึงรักษาอัตราการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทย ให้อยู่ในระดับต่ำมาเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่องกันด้วยการวัดในลักษณะนี้ เป็นการมองความสุขในสายตาของต่างประเทศที่เห็นว่า ประเทศไทยของเรามีพัฒนาการที่ดีขึ้นในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี มีธรรมาภิบาลมุ่งมั่นขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่น รวมทั้งการเร่งแก้ไขปัญหาใหญ่ ๆ โดยมีการเร่งรัดที่ประชาคมโลกให้ความสนใจอาทิเช่น เรื่องการประมงผิดกฎหมายและไร้การควบคุม (IUU) การบินพลเรือน (ICAO)ให้เป็นไปตามกติกาสากล และในเรื่องของการค้ามนุษย์ ซึ่งถือเป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาลนี้ เหล่านี้เป็นต้น โดยการดำเนินการในทุก ๆ มิติ ทุก ๆ มาตรการของรัฐบาลและ คสช. ที่ทำอยู่ในช่วงเวลาเกือบ 3 ปี ที่ผ่านมา มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกัน และส่งผลให้เห็นผ่านตัวชี้วัดต่าง ๆ รวมทั้งในครั้งนี้ด้วย เรื่องนี้มีหลายคนออกมาบิดเบือนว่าไม่จริง เศรษฐกิจไม่เห็นจะดีขึ้น ประชาชนไม่มีความสุข ก็เป็นสิ่งที่ทุก ๆ คนคิดได้ ต้องช่วยกันพิจารณาคนที่ออกมาพูดด้วย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมเห็นว่าเป็นความสุขที่ยั่งยืนคือ ความพออยู่ พอกิน และมีชีวิตที่สงบสันติ เป็นความสุขของตัวเรา และเรารู้สึกได้ ส่วนการไม่รู้จักพอก็คือการปล่อยตัว ปล่อยใจ ซึ่งย่อมนำไปสู่การแสวงหาที่ไม่มีวันสิ้นสุดเพราะอยากมี อยากได้อยู่ตลอดเวลา แบบนี้เท่าไหร่ก็ไม่พอเพราะอยากมี อยากได้อยู่ตลอดเวลา แบบนี้เท่าไหร่ก็ไม่พอ แม้จะมั่งมีศรีสุข ร่ำรวยทรัพย์สินกว่าคนอื่น ๆ แต่ก็ยังไม่หยุดทุจริต ไม่หยุดเอารัดเอาเปรียบ ไม่รู้จักแบ่งปัน ไม่รู้จักให้ ก็จะไม่รู้จักความสุขถาวรแล้วเราก็จะไปหลงอยู่กับความสุขชั่วครู่ ชั่วยาม ไม่จีรังซึ่งตรงข้ามกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ทรงสอนให้คนไทยรู้จักความพอประมาณ เดินบนทางสายกลาง ไม่ประมาท มีเหตุผลและมีภูมิคุ้มกันในตัวเอง ไม่ยอมแพ้ต่อกระแส ทุนนิยม วัตถุนิยมบริโภคนิยม จนหาความสุขที่แท้จริงในชีวิตไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น การที่อาจจะมีบัตรเครดิตโดยไม่จำเป็น หรือมีมากกว่าจำเป็น ย่อมนำไปสู่การก่อหนี้ อาจจะง่ายในการที่จะรูดบัตรเครดิต แต่อาจจะเป็นการก่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในอนาคต ต้องพึงระมัดระวังเช่น การกู้เงินมาซื้อของที่ไม่จำเป็น หรือการทำอะไรที่เกินตัว แทนที่จะกู้เงินเพื่อการลงทุน เพื่อซื้อเครื่องมือประกอบอาชีพหรือแม้แต่การขายสิทธิ ขายเสียงทั้งนี้ก็เพียงเพื่อมุ่งหวังเงินทองเล็กน้อย แต่ไม่มองอนาคตของตนเอง ของลูกหลานและผลได้ผลเสียของประเทศในระยะยาว เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ