กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ประชุมเตรียมแผนปฏิบัติการด้านสาธารณสุขเพื่อรองรับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ด้วยแผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพสาขาอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม โดยเตรียมเชิญหน่วยงานด้านสุขภาพทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมหารือ เพื่อพัฒนาประเทศด้วยปัญญา เทคโนโลยี และนวัตกรรม
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สธ. เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้บริหารระดับสูงฯ ครั้งที่ 10/2560 โดยที่ประชุมได้รับทราบแผนปฏิบัติการด้านสาธารณสุขรองรับโครงการ EEC พ.ศ.2560-2564 โดยจัดทำโครงการพัฒนาสถานบริการด้านสุขภาพใน 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ด้วย 3 มาตรการหลัก ประกอบด้วย 1.ยกระดับการให้บริการด้านสาธารณสุข โดยมีศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะด้านในสถานบริการสาธารณสุข 2.พัฒนาศักยภาพการให้บริการด้านอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประชากรวัยแรงงานและรอบเขตอุตสาหกรรมปลอดภัยมีสุขภาวะที่ดี และ 3.พัฒนาระบบบริหาร บริการด้านสาธารณสุข เพื่อรองรับนโยบาย โดยหน่วยบริการและบุคลากรที่เกี่ยวข้องได้รับการพัฒนาศักยภาพเพี่อรองรับบริการ ซึ่งคาดว่าจะมีประชากรและแรงงานในพื้นที่โครงการดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 2.8 ล้านคน เป็น 13 ล้านคนภายใน 10 ปี
ทั้งนี้ สธ.ได้วางแผนพัฒนาระบบบริการรองรับการขยายตัวของประชากรตามแผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service plan) โดยเฉพาะสาขาอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม คาดว่าจะต้องเพิ่มเตียง 746 เตียง เพิ่มคลินิกอาชีวเวชศาสตร์ 23 แห่ง ยูนิตรองรับผู้ป่วยไฟไหม้น้ำร้อนลวกขนาด 30 เตียง ห้องผ่าตัด หอผู้ป่วยหนัก ไอซียูทารกแรกเกิด และห้องอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน เป็นต้น ในส่วนอัตรากำลังคาดว่าต้องเพิ่มแพทย์ 1,430 คน พยาบาล 4,430 คน
อย่างไรก็ตาม สธ.เตรียมเชิญชวนภาครัฐและเอกชนที่มีบริการด้านสุขภาพเข้าร่วมในการจัดระบบบริการรองรับการพัฒนาตามแนวทางประชารัฐ โดยนำเอาระบบ "พีพีพี-ฟาสแทร็ค" มาใช้เพื่อให้การขับเคลื่อนประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการพัฒนาประเทศด้วยปัญญา เทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยการลงทุนอุตสาหกรรมแห่งอนาคต 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายได้แก่ สาขายานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การท่องเที่ยวในกลุ่มรายได้สูงและท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ การแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพดิจิทัล และการแพทย์ครบวงจร