พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติในหลักการร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ พ.ศ.... ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ซึ่งเป็นการกำหนดลักษณะความผิดฐานใช้แรงงานบังคับ การกำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ กำหนดมาตรการช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการใช้แรงงานบังคับ กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ และกำหนดบทลงโทษที่มีความเหมาะสมกับการกระทำความผิดฐานใช้แรงงานบังคับ
ทั้งนี้ ประเทศไทยจะต้องร่วมลงนามในสัตยาบันพิธีสาร ค.ศ.2014 ส่วนเสริมอนุสัญญาฉบับที่ 29 ว่าด้วยแรงงานบังคับ ค.ศ.1930 ภายในเดือนมิ.ย.61 ซึ่งพิธีสารฉบับนี้กำหนดพันธกรณีเฉพาะในการป้องกันการใช้แรงงานบังคับ การคุ้มครองเหยื่อ และการเข้าถึงการเยียวยา และยังกำหนดให้ประเทศสมาชิกต้องมีนโยบายและแผนปฏิบัติการของประเทศ โดยมีการหารือกับองค์กรนายจ้างและองค์กรแรงงานด้วย
"ดังนั้นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการดำเนินการให้สัตยาบันดังกล่าว จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ เพื่อรองรับการให้สัตยาบัน ซึ่ง รมว.แรงงาน จะเดินทางไปให้สัตยาบันในพิธีสารดังกล่าวในเดือนมิ.ย." พ.อ.อธิสิทธิ์กล่าว
โดยความสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว คือ จะช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการคัดแยกผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ตามกฎหมายว่าด้วยการค้ามนุษย์ หรือเป็นการละเมิดสิทธิแรงงานจากการใช้แรงงานบังคับ รวมทั้งการจัดตั้งกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับเพื่อใช้ในการช่วยเหลือเยียวยา การคุ้มครองความปลอดภัยผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานใช้แรงงานบังคับ หรือช่วยเหลือผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานใช้แรงงานบังคับในต่างประเทศให้เดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักร หรือถิ่นที่อยู่
อย่างไรก็ดี จะมีการออกกฎหมายลำดับรองอีก 5 ฉบับ ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน หลังจากที่ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ มีผลบังคับใช้