นพ.อุดม คชินธร รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติในหลักการร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา พ.ศ....โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักการเกี่ยวกับการอุดมศึกษา การกำหนดภารกิจหน้าที่ของอุดมศึกษา มาตรการในการส่งเสริมสนับสนุน และการกำกับดูแลการจัดการการอุดมศึกษาอย่างมีเอกภาพ รวมทั้งหลักการในการจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรทางการศึกษาให้มีความเหมาะสม เพื่อให้การจัดการการอุดมศึกษาและการพัฒนาคุณภาพของบุคลากรของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยก่อนหน้านี้ ที่ประชุมครม. เมื่อวันที่ 3 ก.ค.61 ได้เห็นชอบในหลักการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม ตามที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.ร.) เสนอไปแล้ว โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่าง พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่...) พ.ศ....ไปตรวจพิจารณา
นพ.อุดม กล่าวว่า ในปัจจุบันการจัดการอุดมศึกษามีความหลากหลาย และมีการจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จึงสมควรกำหนดหลักการในการจัดการการอุดมศึกษาให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ภารกิจหน้าที่ของอุดมศึกษา มาตรการในการส่งเสริมสนับสนุน และการกำกับดูแลการจัดการอุดมศึกษาอย่างมีเอกภาพ รวมทั้งเพื่อให้การจัดการอุดมศึกษาและการพัฒนาคุณภาพบุคลากรของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความสามารถในการแข่งขัน มีมาตรฐาน มุ่งไปสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการ ส่งเสริมให้สถาบันอุดมศึกษามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนา เพื่อความเจริญก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในด้านต่างๆ เพื่อช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยตามนโยบายของรัฐบาล และเป็นกำลังสำคัญต่อการสร้างนวัตกรรมใหม่ให้แก่กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อตอบสนองความต้องการของภาครัฐและเอกชน นำมาสู่การถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่ภาคส่วนต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
"ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะพูดเรื่องหลักการและแนวทางที่จะจัดการการอุดมศึกษาให้สอดคล้องกับการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม โดยจะให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนวัตกรรมควบคู่ไปกับการพัฒนาคนที่มีคุณภาพ เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และเตรียมความพร้อมของประเทศสู่ศตวรรษที่ 21 ตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และนโยบายไทยแลนด์ 4.0" รมช.ศึกษาธิการกล่าว
พร้อมระบุว่า สำหรับร่าง พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกานั้น นายกรัฐมนตรีมีนโยบายที่ต้องการเร่งรัดให้มีการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งในปี 62 ดังนั้นนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี จึงได้ตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษขึ้นเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นี้เป็นการเฉพาะ และให้กรอบเวลาการทำงานให้แล้วเสร็จและนำกลับมาเสนอที่ประชุมครม.เพื่อเห็นชอบภายในสิ้นเดือนส.ค.นี้ ก่อนจะนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งคาดว่า สนช.จะผ่านร่าง พ.ร.บ.นี้ได้ไม่เกินเดือน พ.ย.61
"สนช.จะปิดจ็อบประมาณ พ.ย.61 หมายถึงว่าการพิจารณากฎหมายใหญ่ๆ ที่สำคัญจะไม่ทำโดยมารยาท เพราะใกล้ช่วงเลือกตั้ง ดังนั้นจะมีเวลา 3 เดือน คือ ก.ย. ต.ค. พ.ย. หวังว่า สนช.จะทำงานสำเร็จและเห็นชอบในการจัดตั้งกระทรวงใหม่ขึ้น ซึ่งหากมีการเลือกตั้งเดือนก.พ.62 อย่างน้อยเราก็จะมีเวลาประมาณ 2-3 เดือน ในการโอนย้ายคน ปรับโครงสร้างภายใน ปรับกระบวนการทำงานต่างๆ คิดว่ากระทรวงใหม่พร้อมจะดำเนินการได้ก็ประมาณ ก.พ.62 พอดี" นพ.อุดมกล่าว