กรมชลฯ เร่งพร่องน้ำรับมือพายุโซนร้อน "ปาบึก" เข้าภาคใต้พรุ่งนี้

ข่าวทั่วไป Wednesday January 2, 2019 18:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำ จากอิทธิพลพายุโซนร้อน "ปาบึก" (PABUK) ที่คาดว่าจะเคลื่อนผ่านแหลมญวน และเคลื่อนลงอ่าวไทย ซึ่งจะมีผลกระทบต่อพื้นที่ภาคใต้ทำให้มีฝนตกเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ในช่วงวันที่ 3-4 ม.ค.62 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล ช่วงวันที่ 4-5 ม.ค.62 บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล แล้วจะเคลื่อนตัวออกสู่ทะเลอันดามันในวันที่ 6 ม.ค.62 ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกเล็กน้อยบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร อย่างเร่งด่วน โดยการประชุมผ่าน VDO conference ไปยังโครงการชลประทานในพื้นที่ภาคใต้ทุกโครงการฯ เพื่อเน้นย้ำให้ทุกแห่งเตรียมการรับมือจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนดังกล่าว

โดยก่อนหน้านี้ได้เร่งพร่องน้ำในลำน้ำต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรับน้ำจากฝนที่ตกลงในพื้นที่ สำหรับเขื่อนขนาดใหญ่และขนาดกลางที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมชลประทาน ได้ทำการพร่องน้ำในเขื่อนไว้ล่วงหน้า เพื่อให้มีพื้นที่น้ำรับได้เพิ่มขึ้นแล้วเช่นกัน นอกจากนี้ ยังได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการขุดลอกคลองและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อให้น้ำไหลลงสู่ทะเลได้สะดวกรวดเร็ว พร้อมกับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชลประทานทุกโครงการ รวมไปถึงศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำตั้งแต่จังหวัดเพชรบุรีไปจนถึงจังหวัดนราธิวาส ตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับการเตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือนั้น กรมชลประทาน ได้ติดตั้งและเตรียมความพร้อมเครื่องจักรเครื่องมือไว้ในพื้นที่ภาคใต้ ไว้ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูฝนแล้ว อาทิ เครื่องสูบน้ำ 453 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 300 เครื่อง และเครื่องจักรกลอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 1,106 หน่วย

พร้อมกันนี้ ได้เน้นย้ำให้ทุกโครงการชลประทาน ทำการตรวจสอบอาคารและระบบชลประทานให้มีความพร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังได้นำรถกระจายสัญญาณวิทยุสื่อสารลงไปประจำในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม เพื่อเพิ่มศักยภาพให้เจ้าหน้าที่ชลประทาน ในด้านการสื่อสารด้วยวิทยุสื่อสารระยะไกล ซึ่งจะช่วยให้การปฏิบัติงานในพื้นที่ห่างไกลมีความสะดวก รวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ให้ประสานงานบูรณาการทำงานร่วมกับจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำ เพื่อประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนประชาชนให้รับทราบสถานการณ์น้ำอย่างทั่วถึงแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ