พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ระบุว่า ยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษในการควบคุมสถานการณ์ หลังเหตุระเบิดหลายจุดในกรุงเทพมหานคร (กทม.) ช่วงเช้าวันนี้ โดยได้มอบหมายให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นผู้ดูแล ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าตามลำดับ ส่วนจะเชื่อมโยงกลุ่มไหนหรือไม่ เชื่อว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถหาคำตอบได้ แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสาเหตุในทุกประเด็น ไม่ว่าประเด็นทางการเมือง หรือประเด็นอื่นๆ นอกจากนั้นยังสั่งการให้คุมเข้มพื้นที่สำคัญ อาทิ สถานทูต สถานที่ราชการ เป็นต้น นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เป็นครั้งแรกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นทั้งหมด 5 จุดตั้งแต่ช่วงเย็นวานจนถึงเช้าวันนี้ และจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 2 คน ขอให้ทุกฝ่ายรอผลการสืบสวนสอบสวนตามกระบวนการ และอย่าเพิ่งด่วนสรุปเหตุการณ์ทั้งหมด ส่วนเหตุแต่ละจุดจะเชื่อมโยงกันหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ ต้องไปดูช่วงเวลา และกลุ่มที่เกี่ยวข้อง และไม่น่าจะเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่การขยายพื้นที่ก่อเหตุมาจากจังหวัดชายแดนภาคใต้
อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนคิดว่าทำไมตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เหตุการณ์ลักษณะนี้แทบไม่เกิดขึ้น แต่วันนี้เมื่อมีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่ไทยเป็นเจ้าภาพ กลับมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เคยมีตัวอย่างเกิดขึ้นแล้วหรือไม่ จึงต้องไปสอบสวนและทบทวนว่าเกี่ยวข้องกับใครบ้าง ซึ่งในอดีตมีหลายครั้งที่เชื่อมโยงกับกลุ่มเก่าๆ
"วันนี้เรามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ แม้จะมีใครไปพูดจาอะไรก็ตาม และทุกประเทศให้เกียรติ อยากให้รัฐบาลเดินหน้าทำงานต่อไป จึงขอให้ทุกคนทำให้ประเทศเดินหน้าทำงานตามศักยภาพและในฐานะที่ไทยเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ด้วย"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ฝากว่า การแก้ปัญหาความมั่นคงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนทุกคน โดยเฉพาะปัจจุบันมีช่องทางโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางสื่อสารระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ใช้ข้อมูลจากกล้องวงจรปิด (CCTV) ในการติดตามผู้ต้องสงสัย แต่ก็ยังต้องการภาพจากประชาชนด้วย ดังนั้น หากประชาชนพบสิ่งผิดปกติก็สามารถถ่ายภาพเป็นข้อมูลเก็บไว้ เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ใช้เป็นหลักฐานได้
นายกรัฐมนตรี กล่าถึงการจับกุมผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุบริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ 2 คนที่จังหวัดชุมพรว่า ได้รับรายงานตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวน และแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ในเรื่องที่นายกรัฐมนตรีจะเข้ามาดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่นั้น พล.ประยุทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่ เพราะมาดูแลตำรวจและดูแลประชาชนผ่านทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทุกคนเป็นพี่เป็นน้องกันและทุกคนต้องไว้ใจซึ่งกันและกัน และมองว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ทุกคนดีใจที่ได้รัฐบาลใหม่ การแถลงนโยบายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่ยืนยันว่าทุกคนได้เฝ้าระวังอย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งเห็นได้ว่า เมื่อมีสถานการณ์เกิดขึ้นทุกคนพร้อมและไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นมาก หากเจ้าหน้าที่ไม่พร้อมคงมีความรุนแรงเกิดขึ้นมากกว่านี้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะดูแลสถานการณ์อย่างเต็มที่และขอให้ทุกคนช่วยกันอีกทางหนึ่ง ส่วนที่ผู้บัญชาการทหารบก ออกมาระบุว่าเป็นฝีมือกลุ่มเก่านั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กลุ่มที่เคยก่อเหตุมาก่อนหน้านี้ ก็อาจมีการหลบหนีไปบ้าง แต่ก็ตรวจสอบพบความเชื่อมโยงอยู่บ้างและที่จำคุกอยู่บ้างก็มี โดยยอมรับว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุต้องการให้กระทบภาพลักษณ์ประเทศ แต่ต้องไม่ทำให้กลุ่มดังกล่าวสมหวัง