นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์มีมาตรการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของสมาชิกสหกรณ์การเกษตรในพื้นที่ประสบอุทกภัยรวม 21 จังหวัด โดยจะใช้เงินจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) วงเงิน 576.287 ล้านบาท จัดสรรให้สหกรณ์กู้ยืมได้ไม่เกินแห่งละ 5 ล้านบาท เพื่อนำไปดำเนินการปล่อยกู้ปลอดดอกเบี้ย 1 ปีให้กับสมาชิก รายละไม่เกิน 20,000 บาท
โดยสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการจะต้องประกอบอาชีพทำการเกษตรและพื้นที่ทำการเกษตรได้รับความเสียหายและต้องอยู่ในเขตที่ประกาศการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินระดับจังหวัดจากกรณีอุทกภัย นอกจากนี้ยังช่วยเหลือสหกรณ์ที่มีหนี้เงินกู้กับ กพส.ก่อนเกิดภัยพิบัติ และได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวจนทำให้สหกรณ์ขาดรายได้ที่จะนำมาส่งชำระหนี้คืน กพส. โดยให้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปอย่างน้อย 1 ปี
สำหรับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย กรมฯได้สั่งการให้ทุกจังหวัดสำรวจความเสียหายแล้ว พบว่า มีความเสียหายในพื้นที่ 20 จังหวัด สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรได้รับผลกระทบ 316 แห่ง สมาชิก 84,775 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรของสมาชิกเสียหาย 1.07 ล้านไร่ ส่วนการขอกู้เงินเพื่อฟื้นฟูอาชีพสมาชิก ขณะนี้ กพส.ได้อนุมัติเงินกู้ให้แล้ว 10 สหกรณ์ใน 2 จังหวัด วงเงินรวม 37.06 ล้านบาท สมาชิก 1,875 ราย พื้นที่ 27,322 ไร่ และมีสหกรณ์แจ้งความประสงค์ที่จะขอกู้อีก 15 สหกรณ์ ใน 4 จังหวัด กว่า 42.67 ล้านบาท รวมสมาชิก 4,270 ราย
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ส่วนการช่วยเหลือของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้นได้เตรียมแผนฟื้นฟูฯ หลังน้ำลดให้เกษตรกร โดยจะจ่ายเงินชดเชยความเสียหายทั้งพื้นที่การเกษตรที่ปลูกพืช ประมงและปศุสัตว์ รวมถึงจะมอบพันธุ์ข้าว พันธุ์สัตว์ และปลา และส่งเสริมการปลูกพืชอายุเก็บเกี่ยวระยะสั้น เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์จะเข้ามาสนับสนุนเรื่องการฟื้นฟูอาชีพ และประสานภาคเอกชน เพื่อหาช่องทางตลาดมารับซื้อผลผลิตให้กับเกษตรกร โดยให้สหกรณ์ในพื้นที่เป็นผู้รวบรวม
นอกจากนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ยังได้รับมอบหมายให้จัดกิจกรรมบริการซ่อมแซมเครื่องมือเครื่องจักรกลทางการเกษตร และเปลี่ยนถ่ายอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมในพื้นที่ประสบภัย โดยสำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการสหกรณ์ประสานขอความร่วมมือจากสถาบันการศึกษาในพื้นที่ อาทิ สถาบันอาชีวศึกษา วิทยาลัยสารพัดช่าง วิทยาลัยเทคนิคมาร่วมให้บริการ ซึ่งได้เริ่มเปิดจุดบริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งมีชาวบ้านให้ความสนใจทยอยนำเครื่องมืออุปกรณ์การเกษตร เครื่องใช้ไฟฟ้า รถจักรยานยนต์มาให้ซ่อมจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและให้เกษตรกรสามารถใช้อุปกรณ์เหล่านี้ไปประกอบอาชีพได้ทันทีหลังน้ำลด