อุตุฯ เตือนภัยจากสภาพอากาศแปรปรวน 12-15 ต.ค./ปภ.ประสานทุกหน่วยรับมือฝนตกหนัก

ข่าวทั่วไป Friday October 11, 2019 17:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัยจากสภาพอากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน ซึ่งมีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 12 - 15 ตุลาคม 2562 โดยประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางพื้นที่และมีลมกระโชกแรงบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หลังจากนั้นประเทศไทยตอนบนจะมีฝนลดลง โดยบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากสภาพอากาศแปรปรวนเนื่องจากฝนตกหนักกับลมกระโชกแรงและอุณหภูมิลดลง รวมทั้งดูแลรักษาสุขภาพในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมีดังนี้

วันที่ 12-13 ตุลาคม 2562 บริเวณที่มีฝนตกหนักกับมีลมกระโชกแรง

ภาคเหนือ: จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ มหาสารคาม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดชัยนาท นครสวรรค์ อ่างทอง สิงห์บุรี ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และภูเก็ต

ในช่วงวันที่ 14-15 ตุลาคม 2562 บริเวณที่มีฝนตกหนักกับมีลมกระโชกแรง

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง สุโขทัย กำแพงเพชร และตาก

ภาคกลาง: จังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนในช่วงวันที่ 12-15 ตุลาคม 2562 ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศแปรปรวน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงในระยะแรก หลังจากนั้นจะมีฝนลดลง โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง

สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย และขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ขณะที่นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) ได้ติดตามสภาพอากาศ และปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ รวมถึงตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยาแล้วพบว่า ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มีสภาวะอากาศแปรปรวน เกิดฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง และอุณหภูมิลดลง ในช่วงวันที 12-15 ตุลาคม 2562 โดยจะมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงในระยะแรก จากนั้นฝนจะลดลงในบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิลดลง 2-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง

สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนัก คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง คลื่นสูง 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ทั้งนี้ กอปภ.ก.ได้ประสานศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตทุกเขต และทุกจังหวัด เตรียมพร้อมป้องกันและรับมือสถานการณ์ภัย โดยกำชับให้ดำเนินการตามมาตรการและแนวทางการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน ระดับน้ำ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง ควบคู่กับการจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์เข้าประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที พร้อมแจ้งเตือนประชาชนระวังอันตรายจากลมกระโชกแรง ฝนฟ้าคะนอง ฝนตกหนัก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำและพื้นที่ลาดเชิงเขา ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขัง น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ตลอดจนขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ