นายธาดา เพ็ญชีพ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารกลาง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯนอกจากการเป็นแหล่งระดมทุนและเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจไทยแล้วยังมีนโยบายดูแลสภาพแวดล้อม สิ่งแวดล้อม คุณภาพพนักงาน ซึ่งการป้องกันฝุ่นถือเป็นมาตรการที่ตลาดหลักทรัพย์ให้ความสำคัญ จึงได้ออกแบบอาคารสอดรับนโยบายดังกล่าว
สำหรับตัวอาคารตลาดหลักทรัพย์ได้มีการป้องกันฝุ่น PM 2.5 ในทุกจุดเริ่มจากทางเข้าอาคาร มีพรมดักฝุ่นเพื่อกรองฝุ่นไม่ให้เข้าอาคารมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถัดมาเป็นประตูหมุนก่อนเข้าล็อบบี้เพื่อกรองฝุ่นไม่ให้เข้ามามากเกินไป
ทั้ง 3 อาคารของตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกอบด้วย อาคาร A เป็นออฟฟิศ อาคาร B เป็นอาคารเปิด ส่วนอาคาร C เป็นอาคารจอดรถ พื้นที่ใช้สอยกว่า 60,000 ตารางเมตร ซึ่งได้เปิดใช้งานปี 59 มีผู้ใช้บริการมาเฉลี่ยกว่า 2,200 คน/วัน หรือเฉลี่ยเดือนละกว่า 70,000 คน
ขณะที่ภายในอาคาร จะมีตัวดูดเฟรชแอร์ เรียกว่า Precool Air Handing Unit (PAU) มีตัวกรองอากาศ 2 แบบ คือ กรองหยาบที่กรองได้ 0.3 – 1 ไมครอน (MERV7) และมีตัวกรองละเอียดที่กรองได้ละเอียดกว่า PM 2.5 (MERV13) ส่วนฝุ่นที่มาจากเครื่องพิมพ์ได้ออกแบบเครื่องพิมพ์ไม่ให้อยู่ภายในอาคาร ทำให้ค่าฝุ่น PM 2.5 ในอาคารตลาดหลักทรัพย์อยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามาตรฐานที่ไม่เกิน 50 ไมครอน และต่ำกว่า 35 ไมครอน
นายชาญ ศิริรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารทรัพย์กรและวิศวกรรม บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในฐานะผู้บริหารจัดการงานอาคารและสถานที่ของอาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า พลัสฯบริหารอาคารด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ที่ยั่งยืน ทั้งการนำนวัตกรรม IoT และ AI เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ สำหรับอาคารตลาดหลักทรัพย์ฯซึ่งเป็นอาคาร Example of Excellent ที่พลัสฯดูแลอยู่ก็เป็นอาคารที่มีแนวนโยบายบริหารแบบ well being และ Indoor Air Quality เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการ
พลัสฯในฐานะผู้ดูแลอาคารมีหน้าที่สานต่อนโยบายของตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องการให้ผู้อยู่ในอาคารมั่นใจได้ว่าอากาศในอาคารมีคุณภาพจริง โดยมีการวัดค่าอากาศอยู่ทุกวัน ทั้งการวัด PM 2.5 เพื่อให้ผู้ใช้อาคารมั่นใจในการอยู่อาศัยในอาคาร อีกทั้งด้านการดูแลเครื่องกรองอากาศมีการล้างแผ่นกรองอากาศตามกำหนด และเปลี่ยนตัวกรองอากาศตามรอบอายุให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดเอาไว้
หากค่าคุณภาพอากาศต่ำกว่ามาตรฐาน จะทำความสะอาดบ่อยขึ้นเปลี่ยนเร็วขึ้น อีกทั้งการวัดคุณภาพอากาศในอาคารยังได้จ้างบริษัทมาตรวจอากาศในอาคารทุก 1 ปี เพื่อให้คุณภาพอากาศภายในอาคารมีอากาศที่ดีอยู่ตลอด และเป็นการดูแลสุขภาพและคุณภาพการทำงานของพนักงานและผู้เข้ามาใช้อาคารไปพร้อมกันด้วย