(เพิ่มเติม) COVID-19: นายกฯ ถกศูนย์บริหารโควิด-19 หารือมาตรการปิดสถานบันเทิง

ข่าวทั่วไป Monday March 16, 2020 11:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในวันนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จะมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณามาตรการการปิดสถานบริการที่มีความแออัดและเสี่ยงสูง งดกิจกรรม รวมคนหมู่มาก และลดผู้เดินทางเข้าประเทศ การเรียนออนไลน์

ก่อนเริ่มประชุม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข และนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข พร้อมด้วยคณะแพทย์ ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีนานเกือบ 1 ชั่วโมง เพื่อรายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อล่าสุดที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น รวมถึงรายงานสถานการณ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มมาตราการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ให้เข้มงวดและเด็ดขาดขึ้น

นายสาธิต กล่าวว่า การประชุมวันนี้จะพิจารณามาตรการปิดสถานบันเทิงทั่วประเทศ เนื่องจากเห็นว่า กิจกรรมที่มีคนอยู่ร่วมกันเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการสัมผัสกันและเสี่ยงเกิดการติดต่อของโรคได้ง่าย แต่จะปิดหรือไม่ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตัดสินใจ

ส่วนตัวมองว่า การปิดสถานบันเทิงก็เป็นมาตรการหนึ่งที่เด็ดขาดและรัดกุม สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ พร้อมยกตัวอย่างในประเทศจีน ที่มีมาตรการเข้มงวดก็สามารถทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ที่สำคัญเราเห็นตัวอย่างแล้วจากการไปรวมตัวกันที่สนามมวย ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มคนจำนวนมากและไม่ทราบว่าใครติดเชื้อ และอยู่ในระยะฟักตัว จึงมองว่าประเทศไทยจะผ่านวิกฤตได้จะต้องอาศัยความร่วมมือของประชาชนและมาตรการที่รัฐบาลจะออกมาบังคับใช้รวมกัน

ส่วนผลดีและผลเสียของการปิดสถานบันเทิงนั้น นายสาธิต กล่าวว่า สำหรับกระทรวงสาธารณสุข เน้นดูแลเรื่องของการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 เป็นอันดับแรก ส่วนเรื่องปัญหาเศรษฐกิจและความสะดวกสบายเป็นอันดับรอง

สำหรับกรณีมีข้อเสนอเลื่อนจัดเทศกาลสงกรานต์ นั้น นายสาธิต กล่าวว่า เป็นเรื่องของคณะกรรมการชุดใหญ่ที่ต้องพิจารณายกระดับ เช่นเดียวกับ การปิดร้านอาหารและปิดสถานบันเทิง ที่จะต้องเป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยและต้องพิจารณาร่วมกันในคณะกรรมการชุดใหญ่

ขณะที่ก่อนเริ่มการประชุม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังการประชุมหากมีสถานการณ์ที่จำเป็นจะมีออกแถลงการณ์ สิ่งสำคัญวันนี้(16 มี.ค.)คือเรื่องการแพร่กระจายของเชื้อที่เพิ่มขึ้นจึงต้องหามาตรการรองรับ รวมถึงต้องสร้างความเข้าใจกับคำว่า ระดับสาม หรือ ระยะสาม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบ ดังนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่ายทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ และประชาชน ทั้งนี้ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ร่วมกันทำงานในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ ที่ผ่านมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ