COVID-19สธ.เผยผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มอัตราคงที่ แต่พบผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มเป็น 17 ราย

ข่าวทั่วไป Saturday March 28, 2020 13:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 109 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นหญิงอายุ 55 ปีที่มีโรคเบาหวานร่วมด้วย ขณะที่มีผู้ป่วยกลับบ้าน 3 ราย ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยสะสมรวม 1,245 ราย โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 17 ราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตรวม 6 ราย ขณะเดียวกันมีผู้ป่วยกลับบ้านรวม 100 ราย และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 1,139 ราย

สำหรับผู้ป่วยใหม่ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแรกจำนวน 39 ราย เป็นผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยหรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ ได้แก่ สนามมวย พบ 10 ราย อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) สถานบันเทิง 8 ราย โดยพบทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด และกลุ่มผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 21 ราย

กลุ่มที่สองจำนวน 17 ราย แบ่งเป็น กลุ่มที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นคนไทย 6 ราย เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา อินเดีย ฝรั่งเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น และ ต่างชาติ 2 ราย ชาวยูเครน และโปรตุเกส กลุ่มทำงานและอาศัยในสถานที่แออัด ใกล้ชิดคนจำนวนมาก และเกี่ยวข้องกับคนต่างชาติ 7 ราย เช่น อาชีพการขายบริการ นวดสปา ร้านอาหาร เชฟ พนักงานต้อนรับในโรงแรม เจ้าของร้านเครื่องประดับ และกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 2 ราย รวมยอดสะสมสำหรับบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มเป็น 11 ราย

ส่วนกล่มุที่สาม จำนวน 53 ราย ขณะนี้รอตรวจสอบประวัติความเชื่อมโยงต่อไป โดยมีพื้นที่กระจายอยู่ในจ.เชียงราย นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร มุกดาหาร ภูเก็ต ปัตตานี นราธิวาส ยะลา และกรุงเทพฯ

นพ.อนุพงศ์ กล่าวว่า ปัจจุบันไทยยังคงพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น แต่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ค่อนข้างคงที่ อยู่ประมาณหลักร้อยทุกวัน ทำให้ปัจจุบันมียอดผู้ป่วยกระจายอยู่ในพื้นที่ 57 จังหวัด โดยผู้ป่วยที่มีอายุน้อยสุด 6 เดือน และอายุมากสุด 84 ปี คิดเป็นอายุเฉลี่ย 40 ปี ส่วนผู้ป่วยอาการหนัก 17 ราย รักษาตัวในต่างจังหวัด 5 ราย ส่วนที่เหลือรักษาตัวในกรุงเทพฯ มีอายุเฉลี่ยระหว่าง 31-76 ปี โดยในจำนวนผู้ป่วยอาการหนักมีอยู่ 1 ราย ที่ต้องใช้เครื่องเอคโม (ECMO) หรือเครื่องช่วยพยุงการทำงานของปอด ซึ่งอาการอยู่ในภาวะวิกฤต

ขณะที่ผู้ป่วยเสียชีวิต 1 รายที่พบในวันนี้ มีประวัติเป็นโรคเบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดี และมีไขมันในเลือดสูง เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 23 มี.ค. ด้วยอาการหอบเหนื่อย และตรวจพบว่ามีปอดอักเสบรุนแรง และต่อมาใช้เครื่องช่วยหายใจก่อนจะเสียชีวิตลง

ด้านนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ยอดผู้ป่วยที่เสียชีวิตของไทยที่มีจำนวน 6 ราย จากผู้ป่วยสะสม 1,245 ราย คิดเป็นประมาณ 0.5% ซึ่งนับว่ายังอยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับหลายประเทศที่มีอัตราป่วยตายสูงกว่านี้ อย่างไรก็ตามกลุ่มผู้เสียชีวิต จะมีอายุมากกว่ากลุ่มที่ไม่เสียชีวิต โดยผู้ป่วยที่มีอาการหนักจำนวน 17 รายนั้น ราวครี่งหนี่งมีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป และในรายที่เสียชีวิตก่อนหน้านี้มีอายุเกิน 70 ปี จำนวน 2 ราย ทำให้เห็นว่าเป็นกลุ่มที่มีความความเสี่ยงสูง จึงได้ร่วมกันรณรงค์ปกป้องไม่ให้ผู้สูงอายุติดเชื้อเพราะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตกว่ากลุ่มอื่น

นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงนอกจากเรื่องของอายุที่มากแล้ว ยังมีเรื่องของโรคประจำตัว โดยโรคประจำตัวที่พบบ่อยในช่วงนี้ คือ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไต และบางรายเป็นผู้ป่วยที่รักษาโรคมะเร็งด้วย ซึ่งจะทำให้มีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าคนปกติทั่วไป ทำให้ต้องระวังการติดเชื้อมากเป็นพิเศษ

"ข้อมูลรวม ๆ ในต่างประเทศที่มีจำนวนผู้ป่วยมากแล้ว จำนวนผู้เสียชีวิตมากแล้ว พบว่าในกลุ่มที่มีอายุมาก อัตราป่วยตายจะมากกว่า 10% คนที่มีอายุน้อย ไม่มีโรคประจำอัตราป่วยตายจะน้อยกว่า 1% ความหมายถ้าป่วย 100 คน ก็เสียชีวิตไม่ถึง 1 คน แต่ถ้าอายุมากด้วย มีโรคประจำตัวด้วย อัตราป่วยตายก็จะมากกว่า 10% คือ 100 คนเสียชีวิตมากว่า 10 คน คือข้อมูลที่สำคัญที่เราต้องเอาใจใส่ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว"นพ.โสภณ กล่าว

นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า ขณะนี้เริ่มเห็นผู้ป่วยกระจายอยู่ในหลายพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น หลังจากที่มีผู้เดินทางกลับภูมิลำเนามากขึ้น ซึ่งส่วนหนี่งอาจจะไปพร้อมกับเชื้อไวรัสที่อาจจะก่อให้เกิดโรค ทำให้คาดว่าจะมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัดในช่วงประมาณ 1 สัปดาห์ข้างหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ