COVID-19สธ.เผยบทบาทอสม.ร่วมติดตามกลุ่มเสี่ยงกว่า 11 ล้านครัวเรือน/เอกชนร่วมทำ hospitel นับหมื่นเตียง

ข่าวทั่วไป Sunday April 12, 2020 14:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของ อสม.ที่เข้ามามีบทบาทในการช่วยควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า อสม.ทั่วประเทศที่มีอยู่กว่า 1.04 ล้านคน ได้ยึดแนวทางปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุข คือ "ค้นให้พบ จบใน 14 วัน" ซึ่งมีภารกิจเข้าร่วมการเฝ้าระวังคัดกรองกลุ่มเสี่ยง และเยี่ยมติดตามกลุ่มเสี่ยงที่บ้าน ซึ่งจากผลการดำเนินงานจนถึงวันนี้ พบว่ามีการติดตามประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงแล้วถึง 11.83 ล้านครัวเรือน โดยได้ร่วมเฝ้าระวังและคัดกรองกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 59,559 คน กลุ่มเสี่ยงที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล 466,045 คน และกลุ่มเสี่ยงที่ใกล้ชิดกับกลุ่มคนในพื้นที่เสี่ยง 139,378 คน

นอกจากนี้ อสม. ยังมีภารกิจในการออกเยี่ยมติดตามกลุ่มเสี่ยงที่บ้าน แบ่งเป็น กลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในระยะติดตามอาการ (ครบ 14 วัน) 263,044 คน และกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในระยะติดตามอาการ แต่ยังไม่ครบ 14 วัน อีก 369,319 คน ซึ่งทำให้มีการค้นพบผู้ป่วยที่มีอาการสำคัญและส่งต่อเพื่อเข้ารับการรักษา 2,266 คน

อย่างไรก็ดี รัฐบาลได้มีการช่วยเหลือดูแลด้านสวัสดิการสำหรับ อสม.ในการปฏิบัติงานค้นหา ป้องกัน และเฝ้าระวังการติดเชื้อโควิด-19 ประกอบด้วย 1.การช่วยเหลือเบื้องต้นสำหรับแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรณีเสียชีวิต ทุพพลภาพถาวร ช่วยเหลือ 240,000-400,000 บาท, กรณีสูญเสียอวัยวะ พิการ ช่วยเหลือ 100,000-240,000 บาท และกรณีบาดเจ็บ เจ็บป่วยต่อเนื่อง ช่วยเหลือไม่เกิน 100,000 บาท 2.การประกันชีวิต หรือประกันสุขภาพ ทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กำลังดำเนินการหารือในรายละเอียดกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และบริษัทประกันภัย

นพ.ธเรศ ยังกล่าวถึงบทบาทของภาคเอกชนที่เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดหาพื้นที่สำหรับดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการไม่หนัก หรือเป็นสถานที่พักฟื้น รวมทั้งเป็นสถานที่กักตัวเพื่อสังเกตอาการในรูปแบบของ hospitel ว่า จากความร่วมมือของเจ้าของสถานประกอบธุรกิจทั้งโรงแรม หรือที่พักในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้มีการจัดสถานที่เพื่อรองรับผู้ป่วยได้ถึง 1,040 เตียง คิดเป็น 52.71% ของจำนวนเตียงในกรุงเทพฯ และปริมณฑลรวม 1,973 เตียง นอกจากนี้ ยังจัดเตรียมเตียงความดันลบไว้รองรับผู้ป่วย หากมีกรณีที่อาจจะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นในเดือนเม.ย.-พ.ค.นี้อีก 40 เตียง

"ตอนนี้ เรากำลังออกประกาศเรื่องโรงพยาบาลสนาม ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีภาคเอกชนให้ความสนใจทำ อยู่ที่บางซื่อ คาดว่าจะแล้วเสร็จเร็วๆ นี้ ส่วน hospitel ซึ่งเป็นโรงแรมที่ปรับมาใช้ดูแลผู้ป่วยโควิดที่มีอาการไม่มากนั้น ตอนนี้ก็จะมีโรงแรมเข้ามาร่วมอีก 10,000 เตียงในกรุงเทพฯ" อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพระบุ

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ประกาศในวันนี้รวม 33 คน ถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ทำให้เห็นว่าการป้องกันและควบคุมโรคในประเทศไทยได้ผลดีในระดับหนึ่ง จำนวนผู้ป่วยมีแนวโน้มลดลง แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่ควรประมาท เพราะโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจมีโอกาสแพร่เชื้อถึงกันได้ง่าย

สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศไทยที่เสียชีวิต 38 คน พบว่าส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุเกินกว่า 70 ปี รวมถึงมีโรคประจำตัว ซึ่งมีอัตราป่วยตายมากถึง 10% ดังนั้นในช่วงสงกรานต์นี้ จึงขอให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญในการปกป้องผู้สูงอายุ เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดไวรัสโควิด-19

"ช่วงนี้สงกรานต์ หลายคนเดินทางไปเยี่ยมญาติ แม้ปีนี้เราแนะนำให้งดเพื่อความปลอดภัย ไม่ใกล้ชิดญาติผู้ใหญ่โดยไม่จำเป็น รวมทั้งการเพิ่มระยะห่าง เพราะผู้สูงอายุมีอัตราการป่วยตายสูงสุด...นี่เป็นข้อมูลที่น่าจะทำให้พวกเราตระหนักถึงความสำคัญของการปกป้องผู้สูงอายุให้ปลอดภัยในช่วงสงกรานต์นี้" นพ.โสภณกล่าว

นพ.โสภณ ยังกล่าวถึงสายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ที่พบในประเทศไทยว่า มีข้อมูลจาก รพ.รามาธิบดี ที่พบว่าสายพันธุ์ไวรัสที่พบในประเทศไทยเป็นสายพันธุ์ย่อยที่มาจากต่างประเทศ เช่น สายพันธุ์ A2 สายพันธุ์ B1 และ B1.4 ซึ่งมาจากทั้งประเทศจีน, ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสายพันธุ์ที่มาจากต่างประเทศทั้งสิ้น

อย่างไรก็ดี ยังไม่มีข้อมูลที่บ่งบอกระดับความรุนแรงของไวรัสในแต่ละสายพันธุ์ว่ามีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด ดังนั้นแนวทางในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ของประเทศไทย จึงยังใช้มาตรฐานการรักษาเดียวกัน โดยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาอย่างดีที่สุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ