นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการออกหนังสือเชิญมหาเศรษฐี 20 อันดับแรกของประเทศไทยมาร่วมหารือกับนายกรัฐมนตรีถึงแนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจว่า ไม่ได้พูดคุยกันในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระดับหัวหน้าศูนย์ฯ เมื่อช่วงเช้า เพราะเป็นแนวคิดของนายกรัฐมนตรีไม่ใช่การดำเนินงานของ ศบค. โดยมีความเป็นไปได้ที่จะออกหนังสือเชิญภายในวันนี้ หากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีร่างจดหมายเสร็จตามขั้นตอนปกติก็จะส่งจดหมายให้ตนดูก่อนแล้วค่อยส่งกลับไปถึงนายกรัฐมนตรี แต่หากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจะไม่ส่งให้ตนเองดูก็ไม่ไช่เรื่องผิด เพราะไม่ใช่คนเซ็นและรับจดหมาย
สำหรับการประชุม ศบค.วันนี้เป็นลักษณะรายงานผลของหน่วยงานที่รับผิดชอบให้นายกรัฐมนตรีทราบเพื่อให้นำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจการผ่อนปรนมาตรการ เพราะนายกรัฐมนตรีต้องชั่งน้ำหนักหลายด้าน ซึ่งหลังจากนี้ ผอ.ศูนย์ฯ สามารถตัดสินใจผ่อนปรนมาตรการใดๆ ได้เลยโดยไม่ต้องนำกลับมาที่ประชุมอีก แต่หากนายกรัฐมนตรีจะนำกลับไปหารือในการประชุม ครม.ก็ทำได้ หรือบางเรื่องจะเรียกบางหน่วยงานเข้ามาหารือหรือไม่ต้องหารือก็ได้
ขณะเดียวกันวันนี้ที่ประชุม ศบค.ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะหมดอายุสิ้นเดือนนี้ เพราะข้อมูลทั้งหมดทุกหน่วยงานได้รายงานข้อมูลทั้งหมดให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้ว ซึ่งตามขั้นตอนหากนายกรัฐมนตรีตัดสินใจจะต่ออายุ พ.ร.ก.จะต้องนำเข้าหารือใน ครม.ก่อน หากมีความจำเป็นจริงๆ นายกรัฐมนตรีจะใช้อำนาจประกาศต่ออายุ พ.ร.ก.ไปก่อนแล้วค่อยนำมาเข้า ครม. ซึ่งกรณีนี้ใช้ในสถานการณ์ก่อการร้าย แต่หากจะต่ออายุจะต้องตัดสินใจก่อนวันที่ 30 เม.ย. รวมไปถึงคำสั่งปลดล็อคให้ห้างสรรพสินค้าหรือร้านตัดผมเปิดให้บริการวันนี้ที่ประชุมก็ไม่ได้พิจารณามีเพียงแต่การรายงานให้ทราบเท่านั้น
ส่วนประกาศห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นเป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวังที่จะสั่งการ แต่เห็นว่าเมื่อตัดสินใจจะต่ออายุ พ.ร.ก.ออกไปก็ควรจะทำให้เหมือนกันทุกจังหวัดกับเหมือนคำสั่งเคอร์ฟิว