น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานส่งมอบกรมธรรม์ประกันชีวิตให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข พร้อมมอบกองทุนสนับสนุนและเยียวยาให้กับอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.)
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การส่งมอบครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและภาคเอกชน คือ บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (BTS) โดย นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ มอบกรมธรรม์ประกันชีวิตสำหรับแพทย์และพยาบาล จำนวน 50,000,000 บาท, กรมธรรม์ประกันชีวิตสำหรับผู้ช่วยพยาบาล เทคนิคการแพทย์และรังสีเทคนิค จำนวน 10,000,000 บาท, กองทุนสนับสนุนและเยียวยาให้แก่อสม. จำนวนเงิน 10,000,000 บาท เพื่อเป็นการสร้างขวัญ กำลังใจ และตอบแทนการกระทำความดีของบุคลากรสาธารณสุขทั้งระบบ จำนวน 400,000 คน และ อสม. จำนวน 1,040,000 คน ที่เป็นกำลังหลักของประเทศ ในการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็งและเสียสละ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายคีรี ถือเป็น 1 ในมหาเศรษฐี 20 คนที่ตนส่งจดหมายไป ซึ่งอยากเห็นว่า ภาคธุรกิจจะช่วยประชาชนและลูกจ้างได้อย่างไร และอยากให้ช่วยเสนอแนวทางในการดูแลเศรษฐกิจในระยะต่อไปด้วย ทั้งนี้ ยอมรับว่าตอนนี้ถูกจับตาจากหลายส่วน แต่จะมุ่งมั่นแก้ปัญหาให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยินดีอย่างยิ่งที่ประเทศของเรามีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง บุคลากรของเราทุกระดับมีความรู้ ความสามารถเป็นที่ยอมรับ และมีความร่วมมือร่วมใจในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นอย่างดี รวมถึงภาคเอกชนที่สร้างขวัญและกำลังใจให้กับบุคลากร ที่ทำหน้าที่สู้ภัยโควิด-19 ให้กับประเทศชาติของเรา ต้องขอบคุณทีมพลังนักรบเสื้อขาว ทีม อสม. ที่ถือเป็นด่านหน้าสำคัญที่ยับยั้งการแพร่ระบาดสู้ภัยโควิด-19 มาด้วยกัน ด้วยความเสียสละอุทิศตน เสียสละในการป้องกันเฝ้าระวังคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ด้านการสาธารณสุข จึงขอเป็นกำลังใจให้กับหน่วยงานด้านการสาธารณสุขทุกแห่ง รวมทั้ง อสม.ในหมู่บ้านทั่วประเทศ ตลอดจนขอขอบคุณผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ทั้งภาครัฐ เอกชนและประชาชน ที่เป็นพลังประชารัฐ
"ขอย้ำว่าไม่ได้พูดถึงพรรคการเมือง แต่เป็นเรื่องของการนำพาประเทศไปสู่ความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน ประชาชน และประชาสังคม ทุกภาคส่วนเดินหน้าเพื่อประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาสำคัญ คือการแก้ปัญหาโควิด-19 ทุกคนมีกระบวนการร่วมกันขับเคลื่อนมาตรการตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเข้มแข็งมาโดยตลอด ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
วันนี้เราทราบดีว่าสถานการณ์โรคโควิด-19 ของประเทศไทยมีแนวโน้มการระบาดลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเราต้องไม่ประมาท เพราะฉะนั้นการที่จะผ่อนคลายสิ่งต่างๆจะต้องมีมาตรการเฉพาะออกมา และวันเดียวกันนี้จะมีการประชุม ซึ่งผมจะรับฟังแนวทางการปฏิบัติจากสาธารณสุข ฝ่ายแพทย์ของเราเป็นหลัก เพื่อจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอื่นๆต่อไป"
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญที่เป็นห่วงประชาชน คือเรื่องของอาชีพและรายได้ การประกอบการทางธุรกิจ แม้กระทั่งในเรื่องการใช้ชีวิตในสังคมต่างๆแต่สิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุดคือเรื่องสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าอะไรที่เราทำได้หรือทำไม่ได้ในระยะเวลาต่อไปนี้ เรื่องนี้ต้องขอความร่วมมือและต้องทำความเข้าใจกันด้วย
ทั้งนี้ รัฐบาลทำทุกอย่างทุกมาตรการในการที่จะแก้ไขปัญหานี้ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี หรือ คณะรัฐมนตรี ซึ่งมีผู้รับผิดชอบ ขณะเดียวกันก็ต้องเป็นผู้กำหนดนโยบายต่างๆ แต่ก็พร้อมรับฟังข้อมูลต่างๆเพื่อนำมาเปรียบเทียบ วิเคราะห์ เพื่อนำมาสังเคราะห์ให้ได้คำตอบออกมา ซึ่งช่วงนี้ทำงานอย่างเต็มที่ โดยจะนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ รวมทั้งได้มอบนโยบายไปแล้วเพื่อให้ศูนย์โควิด-19 ได้ดำเนินการเพื่อหาข้อสรุปว่าจะต้องทำอย่างไรกันต่อไปหลังจากนี้