สคบ.เผยธุรกิจแชร์ลูกโซ่กลับมาแพร่ระบาดโดยอาศัยช่วงภาวะเศรษฐกิจผันผวน

ข่าวทั่วไป Sunday July 22, 2007 11:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) เตือนประชาชนระวังถูกหลอกลวงจากกลุ่มผู้ประกอบการในลักษณะแชร์ลูกโซ่ที่กลับมาแพร่ระบาด โดยใช้กลยุทธ์หลากหลายรูปแบบในช่วงจังหวะที่เกิดภาวะผันผวนของค่าเงิน น้ำมัน ทองคำ และสินค้าเกษตร
"ช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว แชร์ลูกโซ่จะอาศัยภาวะเศรษฐกิจของโลกในการเก็งกำไร เช่น ราคาน้ำมันและทองคำที่ปรับสูงก็ถือโอกาสระดมทุนเพื่อเก็งกำไร ซึ่งจ่ายผลตอบแทนอัตราสูงทำให้ประชาชนหลายรายให้ความสนใจเข้าร่วมลงทุน แต่สุดท้ายบางบริษัทได้ปิดบริษัทและเว็บไซต์หนี" นางรัศมี วิศทเวทย์ เลขาธิการ สคบ.กล่าว
ทั้งนี้ผู้ประกอบการธุรกิจแชร์ลูกโซ่ได้เปลี่ยนกลยุทธ์การระดมทุนหลากหลายวิธีเพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคเข้าร่วมลงทุน โดยให้ผลตอบแทนสูง โดยส่วนใหญ่เจ้าของบริษัทจะเป็นคนไทยร่วมลงทุนกับต่างชาติแล้วตั้งชื่อบริษัทเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือแก่ผู้ร่วมลงทุน ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับคือ หัวคิวจากสมาชิกเครือข่ายระดับล่าง และค่าตอบแทนการลงทุน
และมีการโฆษณารับสมัครงานตามเว็บไซต์และสื่อสิ่งพิมพ์โดยให้เงินเดือนสูง แต่เมื่อไปสมัครกลับไม่มีตำแหน่งที่ประกาศ แต่บริษัทพยายามหว่านล้อมให้เป็นสมาชิกขายตรงเชิงบังคับซื้อสินค้าก่อน
สำหรับช่วงเดือน ต.ค.49- เม.ย.50 สคบ.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ประกอบการทั่วประเทศ 10,867 รายเพื่อป้องกันการเอาเปรียบผู้บริโภค แยกเป็น โฆษณา 9,991 ราย, สินค้าและบริการ 232 ราย, ธุรกิจควบคุมสัญญาและหลักฐานการรับเงิน 171 ราย และขายตรง 473 ราย พบว่ามีผู้กระทำความผิดกว่า 300 ราย เช่น โฆษณาเกินความจริง, โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผิดกฎหมาย, ลูกโป่งบรรจุก๊าชไฮโดรเจนไม่ติดฉลาก เป็นต้น
ส่วนการร้องทุกข์จำนวน 3,403 ราย เป็นโฆษณา 555 ราย สินค้าและบริการ 1,243 ราย สัญญาและอสังหาริมทรัพย์ 1,560 ราย และขายตรง 42 ราย ซึ่งสามารถไกล่เกลี่ยยุติเรื่อง 221 ราย เรียกเงินคืนผู้เสียหายได้ 19 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเรื่องไม่ได้รับความเป็นธรรมจากอสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกันได้ปรับผู้ประกอบการที่ทำผิด 73 ราย เป็นเงิน 1.4 ล้านบาท เช่น ด้านโฆษณา 33 ราย, สินค้าและบริการ 1 ราย และ ไม่มาเจรจาตามหนังสือเรียก 39 ราย
นอกจากนี้ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (คคบ.) ยังมีมติดำเนินคดีผู้ประกอบการ 85 ราย เพื่อคืนเงินให้ผู้บริโภค 268 ราย วงเงิน 88.6 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ