เว็บไซต์กรมควบคุมโรครายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย จาก State Quarantine ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศซาอุดิอาระเบีย ทั้งหมดเป็นนักเรียน นักศึกษา เพศชาย เดินทางกลับมาด้วยเที่ยวบินเดียวกัน ต่อมาเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.63 ตรวจพบเชื้อ 3 รายแรก อายุ 21 ปี 23 ปี และ 26 ปี มีอาการไข้ เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนอีก 2 ราย อายุ 24 ปี และ 26 ปี มีอาการไอ มีน้ำมูก จมูกไม่ได้กลิ่น เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดสมุทรปราการ
สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,134 ราย จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 2,987 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 89 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงเดิมอยู่ที่ 58 ราย
"ขณะนี้สถานการณ์ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศและได้เข้ารับการเฝ้าระวังในสถานที่รัฐจัดให้ ซึ่งไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อภายในประเทศต่อเนื่องเป็นเวลา 19 วัน" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกมีผู้ป่วยติดเชื้อรวม 7,732,948 ราย เสียชีวิตแล้ว 428,248 ราย โดยสหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยมากที่สุดในโลก 2,116,922 ราย เสียชีวิต 116,825 ราย อินเดียมีผู้ป่วยมากที่สุดในเอเชีย 309,603 ราย เสียชีวิต 8,890 ราย และสิงคโปร์มีผู้ป่วยมากที่สุดในอาเซียน 39,850 ราย เสียชีวิต 25 ราย ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ป่วยอยู่อันดับที่ 87 ของโลก
ส่วนการจัดอันดับประเทศที่ฟื้นตัวจากโควิด 19 ใน 184 ประเทศทั่วโลก ขององค์กร GCI Global Advisory Council ด้วยการใช้ Global COVID-19 Index (GCI) โดยความร่วมมือของกระทรวงวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม (MOSTI) ประเทศมาเลเซีย และกลุ่ม Sunway เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา พบว่า ประเทศไทยฟื้นตัวได้เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศออสเตรเลีย และเป็นอันดับที่ 1 ของเอเชีย โดยคิดคะแนนจากการยืนยันต่อประชากรเทียบกับขนาดของแต่ละประเทศ สัดส่วนการเสียชีวิตเมื่อเทียบกับขนาดประชากร และคะแนนดัชนีความมั่นคงด้านสุขภาพโลก (GHS) เพื่อประเมินความพร้อมของประเทศในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด 19
อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้ประเทศไทยได้มีมาตรการผ่อนปรนเพิ่มมากขึ้น กระทรวงสาธารณสุขขอให้ประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดและสม่ำเสมอ คงเข้มการป้องกันตนเอง สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าทุกครั้งที่ออกนอกบ้านหรือเคหะสถาน ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างระหว่างผู้อื่น 1-2 เมตร ไม่นำมือสัมผัสใบหน้า ตา จมูก ปาก หากสวมเฟซชิลด์ควรสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าร่วมด้วย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในสถานที่แออัด มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก จำกัดระยะเวลาการใช้บริการในสถานที่ใดสถานที่หนึ่งเป็นเวลาสั้นเพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อ และลงทะเบียน เข้า-ออก ผ่านแอปพลิเคชัน "ไทยชนะ" เพื่อนำไปพัฒนากิจการให้มีความปลอดภัย และได้มาตรฐาน