เจ้าหน้าที่ควบคุมมลพิษระดับอาวุโสของจีนเปิดเผยว่า สถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมของจีนใกล้มาถึงจุดวิกฤติ และเหตุการณ์ดังกล่าวกำลังบั่นทอนชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรในประเทศ นายปัน ยู๋ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติเปิดเผยว่า การรณรงค์รักษาความสะอาดด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากรัฐบาลยังคงมุ่งเน้นที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นหลัก "ความพยายามที่จะดำเนินการตามเป้าหมายด้านเศรษฐกิจในระยะสั้นๆเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดมลพิษเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าทางการจะออกมาตรการต่างๆออกมาหลายฉบับแล้วก็ตาม" นายปัน กล่าวในหนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี่ "การพัฒนาเศรษฐกิจในแบบเก่าที่เคยปฏิบัติกันมานั้นเป็นเหตุให้เกิดการทำลายแหล่งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในประเทศจีน อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรอย่างใหญ่หลวง" นอกจากนี้ บทสัมภาษณ์ของนายปันในหนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่ยังมีความคิดสอดคล้องกับเจ้าหน้าควบคุมด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้ประกาศมาตรการลงโทษขั้นรุนแรงในพื้นที่ที่มีมลพิษมากที่สุด ด้วยการห้ามมิให้ผู้ประกอบการก่อตั้งโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ๆขึ้นในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเวลานาน 3 เดือน ทั้งนี้ เมือง 6 แห่งในพื้นที่ 2 อำเภอ และนิคมอุตสาหกรรม 5 แห่งของจีนถูกเพ่งเล็งว่าเป็นตัวการปล่อยมลพิษลงสู่แม่น้ำแยงซี แม่น้ำเหลือง แม่น้ำฮวาย และแม่น้ำไห่