COVID-19รมต.เศรษฐกิจอาเซียนเห็นพ้องตั้งกองทุนฯ รับมือโควิด-เตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยีดิจิทัล

ข่าวทั่วไป Monday August 31, 2020 18:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจในกรอบการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (EAS-EMM) ครั้งที่ 8 ได้รับมอบหมายให้หารือร่วมกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจจาก 18 ประเทศ คือ อาเซียน 10 ประเทศ และคู่เจรจา 8 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย โดยที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางการรับมือผลกระทบของโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจในภูมิภาค และเห็นควรสร้างความเข้มแข็งและการเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตในภูมิภาค เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและลดอุปสรรคในการเคลื่อนย้ายสินค้าจำเป็น เช่น ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ยา อาหาร สินค้าโภคภัณฑ์ และสินค้าและบริการที่จำเป็นอื่นๆ

ทั้งนี้ ยังได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ประเทศต่างๆ ใช้รับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่น จัดตั้งกองทุนอาเซียนเพื่อรับมือกับโควิด-19 สร้างคลังสำรองอุปกรณ์ทางการแพทย์ จัดทำแนวปฏิบัติร่วมกันในกรณีที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข และการพัฒนาวัคซีนและการเข้าถึงวัคซีน รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภูมิภาค ซึ่งการเตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมีความสำคัญต่อการรับมือวิกฤติโควิด-19 โดยเฉพาะความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาทักษะแรงงาน การเข้าถึงเทคโนโลยีของสตรี ธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมและรายย่อย (MSMEs) และกลุ่มเปราะบางอื่นๆ และยังเห็นด้วยกับการหาข้อสรุปการเจรจาเรื่องพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในเวทีองค์การการค้าโลก (WTO)

นอกจากนี้ รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-อินเดีย ได้หารือทบทวนความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน–อินเดีย (AITIGA) ซึ่งบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.53 โดยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียน-อินเดีย ไปทบทวนความตกลงให้ทันสมัย ง่ายต่อการใช้ประโยชน์ และเอื้อต่อการค้าและการลงทุน ส่วนการหารือกับผู้แทนภาคเอกชนจากสภาธุรกิจอาเซียน–อินเดีย ได้สนับสนุนการทบทวนความตกลง AITIGA โดยเฉพาะเรื่องการเปิดตลาด การลดอุปสรรคในมาตรการที่มิใช่ภาษี การลดความล่าช้าและยุ่งยากในพิธีการศุลกากร และอำนวยความสะดวกทางการค้า ซึ่งจะช่วยผลักดันการค้าระหว่างอาเซียนกับอินเดียให้บรรลุเป้าหมายที่ 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2565 ได้

ส่วนการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-เกาหลี ได้หารือถึงการปรับปรุงความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน-เกาหลี (AKTIGA) โดยจะเริ่มเจรจาเพื่อเปิดเสรีสินค้าอ่อนไหวเพิ่มเติม หลังการลงนาม RCEP และเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างกัน เพื่อรับมือวิกฤตโควิด-19

การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ได้รับทราบความคืบหน้าการทบทวนความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA) ในเรื่องกฎถิ่นกำเนิดสินค้า พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า การแข่งขันทางการค้า พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การค้าบริการ การลงทุน ความร่วมมือด้านการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และการค้ากับการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยได้เร่งรัดให้การเจรจาทบทวนมีความคืบหน้าโดยเร็ว

การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-แคนาดา ได้ติดตามผลการดำเนินงานตามแผนงานด้านการค้าการลงทุน ปี 2559-2563 ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินกิจกรรมร่วมกัน เช่น การจัดประชุมหารือด้านนโยบายการค้า การจัดประชุมภาคธุรกิจอาเซียน-แคนาดา การประชุมหารือแผนปฏิบัติการเชิงยุทธศาสตร์ของอาเซียนสำหรับ SMEs การสนับสนุนภาคธุรกิจแคนาดาจับคู่ทางธุรกิจกับอาเซียน เป็นต้น และได้เห็นชอบแผนงานด้านการค้าการลงทุน ปี 2564-2568 ซึ่งมีกิจกรรมสำคัญ เช่น งานสัมมนาเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถ การพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย และการพัฒนาธุรกิจเพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนในสาขาการเงิน การท่องเที่ยว การขนส่ง พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นต้น เพื่อสานต่อกิจกรรมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนและแคนาดาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อม หากทั้งสองฝ่ายจะเริ่มเจรจาเอฟทีเอในอนาคต และได้มอบให้เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่ายไปหารือเพื่อร่วมกันจัดทำเอกสารขอบเขตความคาดหวังการเจรจาจัดทำเอฟทีเอ เพื่อเป็นข้อมูลเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่าย ในเดือน ส.ค.64 เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการเปิดเจรจาเอฟทีเออาเซียน-แคนาดาต่อไป

สำหรับการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-รัสเซีย ได้หารือความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนความร่วมมือการค้าและการลงทุนอาเซียน-รัสเซีย และแผนงานความร่วมมือระหว่างอาเซียนและสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (รัสเซีย คาซัคสถาน เบลารุส อาร์เมเนีย และคีร์กีซสถาน) โดยได้เห็นชอบให้ขยายอายุแผนงานที่จะสิ้นสุดในปี 2563 ออกไปจนถึงปี 2568 เพื่อส่งเสริมความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายให้เน้นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยมีแผนที่จะจัดกิจกรรมสำคัญ อาทิ การประชุมระหว่างรัฐมนตรีคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซียกับรัฐมนตรีอาเซียน รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์แก้ปัญหาโควิด-19 และเห็นชอบการจัดสัมมนาหารือแนวทางรับมือโควิด-19 ในช่วงปลายเดือนก.ย.นี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ