(เพิ่มเติม) ศบค.พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 279 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย

ข่าวทั่วไป Friday January 1, 2021 13:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 279 ราย ประกอบด้วย ผู้ติดเชื้อในประเทศ 273 ราย ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเข้าสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (Quarantine Facilities) 6 ราย ประกอบด้วย เยอรมนี 1 ราย, สหราชอาณาจักร 2 ราย, ฮ่องกง 1 ราย, จีน 1 ราย และสหรัฐอเมริกา 1 ราย ขณะที่วันนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 ราย

สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศ ล่าสุดอยู่ที่ 7,163 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 5,142 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อในกลุ่มแรงงานต่างด้าว 1,408 ราย ส่วนผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 2,021 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 4,273 ราย เพิ่มขึ้น 33 ราย โดยยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2,827 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิตสะสม 63 ราย

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. กล่าวถึงไทม์ไลน์ของผู้เสียชีวิต 2 รายว่า รายแรก เป็นชายไทย อายุ 44 ปี อยู่ในกรุงเทพฯ

  • วันที่ 20 ธ.ค. ไปที่ร้านอาหารกึ่งบาร์แห่งหนึ่งในกทม.
  • วันที่ 26-27 ธ.ค. มีไข้ ไอ มีน้ำมูก
  • วันที่ 28 ธ.ค. มีไข้ เหนื่อยหอบ
  • วันที่ 30 ธ.ค. รู้สึกเหนื่อยมากขึ้นจึงไปตรวจที่ ARI คลินิก รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ โดยมีอาการหายใจเหนื่อย ออกซิเจนในเลือดลดลงเหลือ 80 และถูกส่งตัวเข้า ICU เพื่อใส่ท่อช่วยหายใจ แต่เนื่องจากคนไข้อ้วนทำให้ต้องใช้ระยะเวลานานในการใส่เครื่องมือ จากนั้นผลตรวจด้วยวิธี RT-PCR พบเชื้อโควิด-19
  • วันที่ 31 ธ.ค. ผู้ป่วยอาการไม่ดีขึ้น ระบบหายใจล้มเหลว จึงส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ และเสียชีวิตในเวลา 15.00 น.

ทั้งนี้ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากเคสนี้ เป็นคนในครอบครัว 7 คน และในโรงพยาบาล 6 คน

รายที่สอง เป็นชายไทย อายุ 70 ปี อยู่ อ.แม่สอด จ.ตาก

  • วันที่ 29 พ.ย. ผู้ติดเชื้อได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยช่องทางธรรมชาติ และเริ่มมีอาการป่วย (หวัด) ได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านใน ต.ท่าสายลวด โดยมีลูกเขยเป็นผู้ดูแล
  • วันที่ 2 ธ.ค. ลูกสาวกลับจากกรุงเทพฯ มาดูแลผู้ป่วย
  • วันที่ 4 ธ.ค. ผู้ป่วยมีอาการหอบเหนื่อย เรียกรถ รพ.เอกชนมารับที่บ้าน ระหว่างทางอาการไม่ดีขึ้น จึงนำส่ง รพ.รัฐ ผลตรวจพบเชื้อโควิด
  • วันที่ 31 ธ.ค. รักษาจนไม่พบเชื้อโควิดแล้ว แต่มีอาการปอดอักเสบ ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว เสียชีวิตในเวลา 22.00 น.

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในประเทศ จนถึงขณะนี้ครอบคลุมไปแล้ว 53 จังหวัด โดยล่าสุดมีเพิ่มขึ้นอีก 2 จังหวัด คือ ลำพูน และสระแก้ว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าคณะทำงาน ศบค.สธ. ได้ขอความร่วมมือผ่านไปยังสาธารณสุขจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ช่วยสื่อสารและทำความเข้าใจในการใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้นกับกรุงเทพฯ และอีก 8 จังหวัดที่มียอดผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ประกอบด้วย สมุทรสาคร, สมุทรสงคราม, สมุทรปราการ, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, ชลบุรี และระยอง โดยขอให้ปิดสถานบันเทิงทุกแห่งในจังหวัด ส่วนร้านอาหาร ขอให้เปิดบริการแค่การซื้อกลับไปรับประทานที่บ้านเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดโอกาสในการพบปะและลดการแพร่เชื้อให้มากที่สุด

พร้อมกันนี้ ยังเน้นย้ำให้ทุกจังหวัดเฝ้าระวังเชิงรุกในกลุ่มที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดสูงในกรุงเทพฯ และอีก 8 จังหวัดข้างต้น ให้ตรวจหากลุ่มเสี่ยงในจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมากในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ขณะเดียวกันขอความร่วมมือไปยังสถานประกอบการที่มีการจ้างแรงงานต่างด้าว ขอให้ควบคุมแรงงานไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่ด้วย

โฆษก ศบค.กล่าวว่า คงไม่สามารถประเมินหรือกำหนดช่วงเวลาได้อย่างชัดเจนว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลงหรือเพิ่มขึ้น ซึ่งการปฏิบัติตัวของทุกคนในวันนี้จะส่งผลในอีก 14 วันข้างหน้า ดังนั้นในช่วงกลางเดือนม.ค.นี้ จำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลงหรือเพิ่มขึ้นก็ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกคนที่จะต้องใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย, ล้างมือบ่อยๆ, การเว้นระยะห่าง และเลี่ยงไปในที่ชุมชน ซึ่งหากปฏิบัติได้ทั้ง 100% จำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้น ก็จะลดลงได้มาก

"นักวิชาการบอกว่า กลางเดือนม.ค.นี้ กราฟจะพุ่งขึ้นแบบชันมาก หรือเอียงลาด ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนทุกคนที่จะร่วมมือกัน ถ้าคุมได้ 100% มีการใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง เลี่ยงไปที่ชุมชน และสแกนไทยชนะ กราฟที่พุ่งอยู่ ก็จะลดลงมา สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ มาจากผลของ 14 วันก่อน ถ้าเรา 70 ล้านคนดูแลตัวเองอย่างดีในวันนี้ ก็จะไปส่งผลในกลางเดือนนี้" นพ.ทวีศิลป์กล่าว

ส่วนข้อกังวลของประชาชนที่ต้องการให้มีการสอบสวนโรครวดเร็วขึ้น เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่สามารถป้องกันตนเองได้เร็วขึ้นนั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า แม้จะมีการเร่งกระบวนการสอบสวนโรคให้เร็วขึ้น และมีการจัดส่งทีมสอบสวนโรคลงไปในแต่ละจังหวัดมากขึ้น แต่ยังมีข้อจำกัดในเรื่องทักษะและความเชี่ยวชาญของเจ้าหน้าที่ ตลอดจนความร่วมมือของประชาชนในแต่ละพื้นที่ที่มีไม่เท่ากันด้วย ที่สำคัญจะต้องขอความร่วมมือจากประชาชนในการให้ข้อมูลการสอบสวนโรคอย่างไม่ปิดบังและเป็นข้อมูลที่แท้จริง เพื่อให้การควบคุมโรคสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว

"ที่ผ่านมา เราติดขัดหลายอย่าง เพราะไม่อยากเปิดเผยไทม์ไลน์ กลัวว่าจะไปเชื่อมโยงกับส่วนอื่น ตอนนี้เจ้าหน้าที่ทุกจังหวัดทำงานกันอย่างหนักมากขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนสูงๆ ก็ต้องให้ผู้ตรวจราชการของสาธารณสุขหาทีมลงไปช่วย ตอนนี้เราทำงานกันเต็มที่ และทำงานกันอย่างหนักมากจริงๆ" นพ.ทวีศิลป์ระบุ

ส่วนสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิดในต่างประเทศ ล่าสุดวันนี้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกรวมแล้ว 83,806,857 ราย เสียชีวิต 1,825,709 ราย โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดอันดับแรกของโลก คือ สหรัฐอเมริกา ผู้ติดเชื้อ 20,445,654 ราย อันดับสอง อินเดีย 10,286,329 ราย อันดับสาม บราซิล 7,675,973 ราย อันดับสี่ รัสเซีย 3,159,297 ราย และอันดับห้า ฝรั่งเศส 2,620,425 ราย ส่วนประเทศไทย ขณะนี้อยู่อันดับที่ 136


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ