ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 42 ราย ประกอบด้วย
- ผู้ติดเชื้อในประเทศจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 19 ราย พบในกรุงเทพฯ 8 ราย สมุทรสาคร 8 ราย สมุทรปราการ 3 ราย
- จากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 5 ราย พบในสมุทรสาคร 3 ราย กรุงเทพฯ 2 ราย
- ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 18 ราย เป็นผู้ที่เดินทางที่ผ่านการคัดกรองและเข้าสถานกักกัน 16 ราย จากประเทศต้นทางมาเลเซีย 2 ราย เซาท์ซูดาน 2 ราย เมียนมา 2 ราย จากสหราชอาณาจักร ปากีสถาน เนเธอร์แลนด์ กาตาร์ สหรัฐอเมริกา เอธิโอเปีย แคนาดา ตุรกี ซูดาน เซเชลส์ ประเทศละ 1 ราย และฟิลลิปปินส์ 2 ราย มาจากช่องทางธรรมชาติ
ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศล่าสุดอยู่ที่ 28,863 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 9,704 ราย และการตรวจคัดกรองเชิงรุก 16,062 ราย ส่วนผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 3,097 ราย โดยมีผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 27,426 ราย เพิ่มขึ้น 47 ราย ยอดเสียชีวิตสะสม 94 ราย
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก มีความเป็นห่วงกรณีการติดเชื้อที่จังหวัดสมุทรปราการ เริ่มจากหญิงไทย อายุ 28 ปี ที่ทำงานในสถานกักกัน ASQ ในกรุงเทพฯ แผนกครัว รวมทั้งสามีติดเชื้อด้วย นอกจากนี้มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 5 คน ในจำนวนผู้สัมผัสเสี่ยงสูงนี้ พบว่ามี 1 คน ที่ติดเชื้อ เป็นเพื่อนร่วมงานหญิง อายุ 25 ปี กลายเป็นผู้ติดเชื้อรายที่ 2 ซึ่งผู้ติดเชื้อรายนี้ นำเชื้อไปแพร่ยังคนในครอบครัวและคนรอบข้างอีก เช่น น้องสาว ลูกชายอายุ 1 ขวบ 7เดือน และพี่เลี้ยงเด็ก ซึ่งขณะนี้กรมควบคุมโรคและสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการกำลังเร่งสอบสวนโรคเพิ่มเติม
ส่วนการติดเชื้อภายในห้องกักบางเขน ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งจากการสอบสวนโรค พบว่านอกจากผู้ต้องกักที่ติดเชื้อแล้ว ยังมีการแพร่ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติหน้าที่ คือ ตำรวจ 3 นาย และยังมีบุคลากรที่ทำงานในห้องกัก เช่น แม่ครัว ที่อยู่แผนกปรุงอาหารและเสิร์ฟอาหารให้ผู้ต้องกัก หรือแม่บ้านที่ทำความสะอาด ติดเชื้อไปด้วย
สำหรับวัคซีนจำนวน 8 แสนโดสของแอสตร้าเซนเนก้า ที่จากเดิมจะฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า และประชาชนกลุ่มเสี่ยง โดยกระจายไปใน 22 จังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยง รวมทั้งจังหวัดที่มีความจำเป็นต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และจังหวัดตามแนวชายแดน รวม 6.4 แสนโดสนั้น วันนี้จะได้มีการจัดสรรเพิ่มให้อีก 1.6 แสนโดส เพื่อให้ครอบคลุมบุคลากรด้านสาธารณสุข อสม. เจ้าหน้าที่กลุ่มอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงใน 52 จังหวัด
"ศบค.เน้นย้ำจังหวัดที่มีชายแดนเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากอาจมีผู้อพยพข้ามแดน ซึ่งบุคลากรด่านหน้าอาจจะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อ การต้องดูแลผู้ติดเชื้อในสถานกักกันต่างๆ จะได้รับการพิจารณาให้รับวัคซีนในช่วงนี้ด้วย" ผู้ช่วยโฆษก ศบค.ระบุ
ขณะที่สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุดวันนี้ มียอดผู้ติดเชื้อสะสมรวมแล้ว 128,796,905 ราย เสียชีวิต 2,815,896 ราย โดยประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงสุด อันดับแรก สหรัฐอเมริกา 31,097,154 ราย อันดับสอง บราซิล 12,664,058 ราย อันดับสาม อินเดีย 12,148,487 ราย อันดับสี่ ฝรั่งเศส 4,585,385 ราย และอันดับห้า รัสเซีย 4,536,820 ราย โดยประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 116
พญ.อภิสมัย กล่าวว่าสถานการณ์ในเมียนมายังต้องเฝ้าระวังการเดินทางเข้าทางช่องทางธรรมชาติ ส่วนกัมพูชา ยังต้องเฝ้าระวังเรื่องไวรัสกลายพันธุ์