(เพิ่มเติม) ครม.เห็นชอบการจัดหาซิโนแวก-ไฟเซอร์-โมเดอร์นาใช้เป็นวัคซีนหลัก-วัคซีนทางเลือก

ข่าวทั่วไป Tuesday July 6, 2021 16:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้มีมติเห็นชอบการจัดหาวัคซีนต้านโควิดเพิ่มเติมทั้งซิโนแวก ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา

ทั้งนี้ ครม.เห็นชอบให้ใช้วงเงินกู้ราว 6.1 พันล้านบาท เพื่อจัดซื้อวัคซีนซิโนแวกจำนวน 10.9 ล้านโดส โดยโครงการดังกล่าวเป็นการจัดหาวัคซีนโควิด-19 สำหรับสร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่บุคลากรและประชาชนกลุ่มเสี่ยง 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข 2.ประชาชนที่มีโรคประจำตัวตามที่กำหนด 3.ประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 4. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด -19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย ระยะเวลาดำเนินการ 2 เดือน (ก.ค.-ส.ค.64) ซึ่งเป็นการใช้เงินจากวงเงินกู้ โดยให้กรมควบคุมโรค เป็นผู้ดำเนินการจัดหาวัคซีน โดยแบ่งเป็น ในเดือนกรกฎาคม 3,894.8 ล้านบาท และเดือนสิงหาคม 2,169.96 ล้านบาท โดยมีค่าบริการจัดการวัคซีน 46.65 ล้านบาท พร้อมทั้งให้กระทรวงสาธารณสุขจัดหาวัคซีนไฟเซอร์เพื่อนำมาใช้เป็นวัคซีนหลักที่จะฉีดให้กับประชาชน โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นผู้ลงนามในสัญญา และเจรจากับผู้ผลิต เบื้องต้นคาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 20 ล้านโดส แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดสัญญาได้

และ ครม.ได้เห็นชอบให้เจรจารับมอบความช่วยเหลือวัคซีนไฟเซอร์อีกส่วนหนึ่งจากรัฐบาลสหรัฐฯ

ส่วนวัคซีนโมเดอร์นาที่จะเป็นวัคซีนทางเลือกของประชาชนที่ต้องชำระเงินค่าวัคซีนให้กับภาคเอกชนนั้น ครม.เห็นชอบให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นตัวกลางจัดหาวัคซีน โดยผู้อำนวยการ อภ.จะเป็นผู้ลงนามในสัญญาจัดซื้อ

นายอนุชา กล่าวว่า โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทยเพิ่มเติม ทั้งซิโนแวกและที่ใช้เทคโนโลยีอื่นและสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์สูงกว่าควบคู่ไปด้วย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชน ตามแผนการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในส่วนที่เหลือเพื่อให้สามารถจัดหาวัคซีนให้แก่ประชาชนให้ครบ 150 ล้านโดส ภายในไม่เกินไตรมาสที่ 2 ของ ปี 2565

"วัคซีนซิโนแวกและไฟเซอร์จะเป็นวัคซีนหลักที่รัฐบาลจัดหามาฉีดให้ประชาชนฟรี ส่วนโมเดอร์น่าจะเป็นวัคซีนทางเลือกที่ประชาชนต้องเสียเงินเอง" นายอนุชา กล่าว

สำหรับการที่มีแพทย์ออกมาระบุให้ใช้วัคซีนชนิด mRNA เป็นวัคซีนหลักของไทยนั้น นายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลมีการหารือกันในวันนี้ถึงความเหมาะสมทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันไทยมีวัคซีนอยู่หลายแพลตฟอร์ม เช่น วัคซีนชนิดเชื้อตาย ได้แก่ ซิโนแวกและซิโนฟาร์ม ขณะที่มีวัคซีนชนิดไวรัลเวคเตอร์ คือ วัคซีนของ แอสตร้าเซนเนก้า และในวันนี้ครม.ก็ได้เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงนามในสัญญาจัดซื้อวัคซีนชนิด mRNA ของบริษัท ไฟเซอร์ (Pfizer) จำนวน 20 ล้านโดส รวมทั้งจะได้รับวัคซีนชนิดนี้จากการรับบริจาคของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

ทั้งนี้ เชื่อว่า การที่รัฐบาลเดินหน้าจัดหาวัคซีนที่ครอบคลุมทั้ง 3 แพลตฟอร์มก็จะสามารถช่วยเสริมความมั่นใจให้กับประชาชนได้มากขึ้น

ส่วนความคาดหวังที่ต้องการให้รัฐบาลหยุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้ได้ภายใน 1 เดือน ด้วยการใช้มาตรการต่างๆควบคู่ไปกับการดูแลด้านเศรษฐกิจนั้น นายอนุชา ยืนยันว่า รัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการดูแลด้านสาธารณสุขควบคู่กับการเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ เช่น จากมาตรการที่ใช้กับพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ก็ทำให้เห็นว่า รัฐบาลดูแลทั้งสองมิติ และพร้อมที่จะเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทั้งในด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังผลักดันการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำของธุรกิจขนาดเล็กและประชาชนที่ได้รับผลกระทบอีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ