นายกฯ สั่งหามาตรการเพิ่มเยียวยาผลกระทบโควิด ยันพรรคร่วมจับมือทำงานเข้มแข็ง

ข่าวทั่วไป Tuesday July 20, 2021 18:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ฝ่ายเศรษฐกิจไปพิจารณามาตรการเพิ่มเติมเพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 หลังจากมีการล็อกดาวน์เพิ่ม โดยขอความร่วมมือให้ประชาชนหยุดการเคลื่อนย้ายในช่วง 14 วัน หากเรื่องใดสามารถดำเนินการได้ทันทีก็จะเร่งนำสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)พิจารณาโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ นายจ้างหรือลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นม. 33 ,ม.39 , ม.40 หรือผู้ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคม ขอให้ลงทะเบียนภายในเดือน ก.ค.นี้ เพื่อจะได้รับการช่วยเหลือตามมาตรการ ส่วนกลุ่มอื่นๆที่ได้รับผลกระทบและยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษา เพื่อดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาเพิ่มเติมต่อไป

ส่วนการล็อกดาวน์จะมีการดำเนินมาตรการใด ๆ เพิ่มเติมหรือไม่นั้น โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเห็นใจประชาชนที่ไม่ได้รับความสะดวกในการดำเนินชีวิตประจำวัน และอยากให้ช่วยกันให้กำลังบุคลากรทางแพทย์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีติดตามการทำงานของทุกส่วนราชการอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะสามารถสั่งการหรือมอบนโยบายได้ตลอดเวลา มีการปรึกษาหารือต่อเนื่อง และขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางรัฐบาลที่จะให้ข้อมูลที่ชัดเจนที่สุด

ขณะที่รัฐบาลจะเดินหน้าแผนกระจายวัคซีนตามจุดต่างๆ ซึ่งมีคณะกรรมการที่คอยกำกับดูแลการกระจายวัคซีนอยู่แล้ว โดยจะเร่งรัดจากวัคซีนจากทุกแหล่งตามแผนที่เตรียมการไว้อยู่แล้ว ซึ่งในปีนี้ได้วางแผนการจัดหาวัคซีนอย่างน้อย 105.5 ล้านโดส และในปี 65 จะจัดหาเพิ่มเติมอีก 120 ล้านโดส รวมแล้วประมาณ 220 ล้านโดส และจะมีการนำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

นายอนุชา กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีอยากให้ประชาชนคำนึงถึงการแพร่ระบาดโควิดในปัจจุบัน และขณะนี้มีตัวเลขสูงขึ้นในแต่ละวัน ซึ่งการบังคับใช้กฏหมายก็เพื่อป้องกันการรวมตัวกัน หรือใช้ควบคุมราคาสินค้าต่างๆ และเพื่อหยุดการลักลอบการเข้าประเทศผิดกฏหมาย พร้อมทั้งขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการชุมนุม ซึ่งอาจเกิดความสุ่งเสี่ยงทำให้เกิดการแพร่ระบาดในกลุ่มผู้ชุมด้วยกันเอง และย้ำว่านายกรัฐมนตรีมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความห่วงใยประชาชน และพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในแนวทางที่สันติและสามารถพูดคุยกันได้ เพื่อทำให้การแก้ปัญหาสามารถลุล่วงไปได้

สำหรับกรณีที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าการแก้วิกฤตโควิด-19 นายกรัฐมนตรี และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) เหมือนกำลังถูกโดดเดี่ยวจากพรรคการเมืองหรือไม่นั้น นายอนุชา กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคยังคงทำงานด้วยความเข้มแข็ง เป็นการทำงานในโครงสร้าง ศบค.ที่มีอยู่

ขณะที่กรรมการอื่นๆ ที่แต่งตั้งเป็นกรรมการชุดเล็กที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ศบค.ชุดใหญ่ เพราะฉะนั้นทุกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ยังสามารถให้ข้อเสนอแนะและรับทราบปัญหา และการบริหารจัดการทั้งหมด ซึ่งตรงนี้ไม่มีการแยกการทำงาน และยังคงทำงานบูรณาการกันด้วยดี และนายกรัฐมนตรีไม่ได้เข้าไปแทรกแซงและรับฟังทุกความคิดเห็น

สำหรับการทำงานกับพรรครัฐบาลนั้น นายกรัฐมนตรี ขอให้เชื่อมั่นว่ายังสามารถพูดคุยทำความเข้าใจกัน ซึ่งมีความตั้งใจที่จะช่วยกันลดการแพร่ระบาดของโควิด โดยจะดูแลรักษาผู้ป่วยโดยเร็ว และนำเข้าวัคซีนอย่างต่อเนื่องและเร่งฉีดให้กับประชาชนโดยเร่งด่วน

นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรี และ ครม.ได้หารือและเห็นตรงกันว่ารัฐมนตรีควรจะต้องลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชน เนื่องจากในปัจจุบันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นมากขึ้น ซึ่งการช่วยประสานงานในเรื่องการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามหรือการดำเนินการประสานเรื่องการจัดหาเตียงให้กับผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มเติมซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญ เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อ รวมถึงการที่จะมีการรับผู้ป่วยจากกรุงเทพฯหรือปริมณฑล เมื่อผู้ป่วยเหล่านี้มีความสมัครใจที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาเดิม เพื่อไปรักษาตามความประสงค์

ในส่วนของรัฐมนตรีจะได้ดำเนินการประสานกับหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดหรือในส่วนของสาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)ต่างๆเพื่อให้การดำเนินงานในการช่วยดูแลผู้ป่วยติดเชื้อ โควิด-19 ได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด นอกเหนือจากการได้รับการดูแลในกรุงเทพฯและปริมณฑล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ