เอแบคโพลเผยคนส่วนใหญ่เบื่อหน่ายการเมือง แต่ยังหวังได้นายกฯที่ซื่อสัตย์

          ศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของสาธารณชนต่อสถานการณ์การเมืองก่อนการเลือกตั้ง พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ถึง 75.9% ระบุว่ามีความเบื่อหน่ายต่อเรื่องการเมือง นอกจากนี้ยังมีความวิตกกังวลต่อเหตุการณ์บ้านเมืองและเครียดต่อเรื่องการเมือง
          ทั้งนี้ในการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่ต้องการใน 3 อันดัแรก พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ 85.8% ต้องการนายกรัฐมนตรีที่มีความซื่อสัตย์สุจริต รองลงมาคือ มีความเป็นผู้นำ และเข้าถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนด้วยความฉับไว  
          นอกจากนี้ประชาชนประมาณ 2 ใน 3 เชื่อว่าจะมีการซื้อเสียงในเขตเลือกตั้งของตน โดยจากผลการวิเคราะห์คาดว่าจะมีการซื้อเสียงโดยเฉลี่ยหัวละประมาณ 350 บาท และที่สำคัญยังมีประชาชนจำนวนหนึ่งประมาณ 32.9% ที่ยังไม่ทราบว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันที่ 23 ธ.ค.50 รวมทั้งประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบกำหนดวันเลือกตั้งล่วงหน้า และไม่เข้าใจเรื่องการจัดแบ่งพื้นที่เขตเลือกตั้งที่จัดใหม่
          นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวว่า หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องมีการเร่งประชาสัมพันธ์วันเลือกตั้งควบคู่ไปกับการทำให้ประชาชนเกิดความตระหนักถึงความสำคัญของการเมืองและการเลือกตั้งที่มีต่อชีวิตประจำวันของประชาชน จนยอมที่จะเสียสละเวลาไปใช้สิทธิและปฏิเสธผู้สมัครที่ซื้อสิทธิขายเสียง 
          โดยข้อมูลข่าวสารที่ส่งไปยังสาธารณชนต้องมีความชัดเจน ต้องนิยามคำว่า "คนดี" ให้ชัดเพราะคำว่าคนดีของคนในเมือง กับคนดีของคนนอกเมืองอาจจะมีความแตกต่างกัน 
          "คนดีของคนในเมือง ประชาชนอาจคิดถึงคนที่ซื่อสัตย์สุจริตและทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม แต่คนดีของคนนอกเมือง อาจคิดถึงคนที่เอาเงินมาแจกจ่ายในช่วงการเลือกตั้ง ดังนั้นการรณรงค์จึงต้องนิยามคำว่าคนดีให้ชัดเจนยิ่ง และเร่งทำให้ชาวบ้านเห็นว่าการรับเศษเงินและขายเสียงไปนั้นจะทำให้ชีวิตของพวกเขาต้องย่ำแย่เหมือนเช่นทุกวันนี้" นายนพดล กล่าว
          การสำรวจความคิดเห็นดังกล่าว เป็นการสำรวจจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 1,631 คน ซึ่งดำเนินโครงการในระหว่างวันที่ 8-10 พ.ย.50