นายกฯ กำชับ สธ.เฝ้าระวังโควิดกลายพันธุ์ แนะกลุ่ม 608 ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น

ข่าวทั่วไป Friday August 19, 2022 16:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกฯ กำชับ สธ.เฝ้าระวังโควิดกลายพันธุ์ แนะกลุ่ม 608 ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ซึ่งพบการระบาดในช่วงเดือนมิ.ย. แม้จะมีการแพร่ระบาดได้ง่าย แต่จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และจำนวนผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และจำนวนผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มคงที่ ขณะที่จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ในสถานการณ์ที่คาดการณ์ไว้ จึงมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เฝ้าระวังและติดตามเชื้อกลายพันธุ์ของโรคโควิด-19 สายพันธุ์ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวตามแผนที่วางไว้

อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจในการดูแลรักษามากขึ้น รวมถึงประชาชนส่วนมากในประเทศยังให้ความสำคัญในการใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา แต่ขอให้กระทรวงสาธารณสุขยังคงเน้นให้ทุกจังหวัดเตรียมพร้อมเรื่องเตียง การใช้ยาอย่างเหมาะสม และต้องเป็นไปตามที่แพทย์สั่ง ไม่ให้ซื้อยามารับประทานเองโดยไม่มีใบสั่งจ่ายยาจากแพทย์ รวมไปถึงให้เร่งสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องดังกล่าวด้วย

ตลอดจนการประชาสัมพันธ์สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนต่อประสิทธิภาพของวัคซีน เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มเกิดความมั่นใจ และพร้อมสมัครใจมารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ครอบคลุมและทั่วถึงมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเด็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น และกลุ่ม 608 เพื่อลดอาการรุนแรงและเสียชีวิตหากติดเชื้อโควิดได้ ซึ่งขณะนี้มีวัคซีนเพียงพอสำหรับประชาชนทุกกลุ่ม และมีสถานพยาบาลของรัฐบาลได้เปิดให้บริการฉีดวัคซีนฟรีแล้ว ทั้งนี้ เพื่อรองรับด้านการท่องเที่ยวและการเปิดประเทศตามนโยบายรัฐบาลอันจะสร้างรายได้ให้กับประเทศตามเป้าหมายกำหนดไว้

"สิ่งที่เน้นในวันนี้ คือทำอย่างไรให้ประชาขนไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม 608 วันนี้มีหลายคนที่ยังไม่อยากฉีดวัคซีน คิดว่าปลอดภัยแล้วเลยไม่ฉีด ซึ่งเป็นเรื่องอันตราย จึงอยากให้ทุกคนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ แม้วันนี้เราจะปลอดภัย แต่การแพร่ระบาดยังมีอยู่ ไม่ใช่เมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้วจะระวังตัวน้อยลง อยากขอให้ระวังตัวมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะเชื้อโควิด-19 มีหลายตัวที่กลายพันธุ์ ซึ่งจากรายงานยังสามารถรับมือได้อยู่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำข้อมูลเกี่ยวกับผลสำเร็จในการดำเนินการต่าง ๆ ในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของประเทศไทย ซึ่งได้รับความชื่นชมและยอมรับจากต่างประเทศ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั้งในและต่างประเทศได้รับทราบอย่างกว้างขวาง รวมถึงการขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกภาคส่วน และผู้ประกอบการ ร้านค้า ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า สถานบริการต่าง ๆ ยังต้องเข้มข้นในการปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention และมาตรการ COVID - Free Setting ต่อเนื่องเคร่งครัด เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่เป็นห่วงในวันนี้ คือ การเปิดสถานประกอบการ ร้านค้า ร้านอาหาร ที่มีมากขึ้น ซึ่งเป็นรายได้ให้ประเทศ ทุกคนได้เข้าถึงรายได้ที่ดีมากขึ้น ดังนั้นถ้าทุกคนช่วยกันก็จะทำให้ผ่านไปได้ด้วยดี

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานความร่วมมือกับผู้ให้บริการส่งอาหารของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธาณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ทั้งผู้ส่งสินค้า และผู้รับบริการ รวมไปถึงให้ ศบค. จังหวัด/กทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ บริหารจัดการและกำจัดขยะติดเชื้อ และหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วอย่างเหมาะสมมีประสิทธิภาพ และรณรงค์ให้ประชาชนมีการแยกขยะติดเชื้อและหน้ากากอนามัยออกจากขยะทั่วไป เพื่อป้องกันการเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวด้วย

นายกรัฐมนตรี ยังเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการศึกษา วิจัย และติดตามการพัฒนายาและวัคซีนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรองรับต่อการกลายพันธุ์ของเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยให้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงปลายปีงบประมาณ 2565 เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจในภาพรวม เช่น การจัดประชุมสัมมนา การจัดซื้อจัดจ้าง และการดำเนินโครงการต่าง ๆ เป็นต้น

โดยขณะนี้การวิจัยพัฒนาวัคซีนของไทยมีความก้าวหน้าโดยลำดับ และพัฒนาอยู่ในระยะที่ 3 แล้ว เพื่อสร้างความมั่นคงด้านวัคซีนของประเทศไทยในอนาคตอย่างยั่งยืน พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ประเทศไทยสามารถผ่านพ้นวิกฤต และได้รับการยอมรับจากนานาประเทศในการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จากนี้ไปต้องให้คนไทยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติมากที่สุด และสามารถอยู่ร่วมกับโควิดได้อย่างปลอดภัย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ