สทนช.ลงพื้นที่เกาะติดสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ยันน้ำเหนือไม่กระทบ กทม.

ข่าวทั่วไป Tuesday September 13, 2022 17:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สทนช.ลงพื้นที่เกาะติดสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ยันน้ำเหนือไม่กระทบ กทม.

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ที่จ.จ.นครสวรรค์ โดยระบุว่า จากการรับฟังการเตรียมแผนป้องกันและบรรเทาผลกระทบในช่วงฤดูฝนของจังหวัดตาม 13 มาตรการของ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) พบว่าดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ตัวอย่างการจัดการน้ำป้องกันผลกระทบในช่วงฤดูฝนในพื้นที่อื่นได้เป็นอย่างดี โดยบูรณาการข้อมูลร่วมกับ กอนช.ในการประเมินติดตามสถานการณ์น้ำในภาพรวม มีการตั้งศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และมอบหมายให้ทุกหน่วยงานแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนเมื่อเกิดเหตุการณ์ทันทีโดยเฉพาะการลดผลกระทบให้กับประชาชน ทั้งในเรื่องการพร่องน้ำในแหล่งน้ำต่างๆ เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนในช่วงน้ำหลาก อาทิ การใช้บึงบอระเพ็ดเป็นพื้นที่หน่วงน้ำก่อนไหลลงสู่พื้นที่ตอนล่าง การเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือในการจัดการน้ำและบรรเทาสาธารณภัย การแจกถุงยังชีพ การซ่อมแซมสะพานขาด โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยทหาร

สทนช.ลงพื้นที่เกาะติดสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ยันน้ำเหนือไม่กระทบ กทม.

การลงพื้นที่ครั้งนี้ สทนช.ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กอนช.ได้เน้นย้ำทุกหน่วยงานที่พร้อมให้การสนับสนุน ประสานงาน อำนวยการ รวมถึงแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการจัดการมวลน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ กอนช.มีการติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดและสั่งการให้ สทนช.วิเคราะห์ประเมินแนวโน้มการเปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคกลางหากสถานการณ์เข้าสู่เงื่อนไขการเปิดศูนย์ฯ ให้เร่งรัดทันที ซี่งในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์กันอีกครั้งก่อนประกาศเปิดศูนย์ฯ ที่ชัดเจนต่อไป

สำหรับสถานการณ์น้ำเขื่อนเจ้าพระยาปัจจุบันมีการระบายน้ำผ่านเขื่อน 1,799 ลบ.ม./วินาที ซึ่ง กอนช.ได้เน้นย้ำแผนการระบายน้ำหากมีการปรับแผนการระบายน้ำเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำเหนือเขื่อนที่มีมากรวมถึงแนวโน้มฝนที่จะตกเพิ่มขึ้นที่จะส่งผลต่อปริมาณน้ำไหลลง 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อย และเขื่อนป่าสักฯ ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้ ต้องมีการแจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้าอย่างชัดเจนว่ามีพื้นที่ใดบ้างที่จะได้รับผลกระทบ เพื่อเตรียมการเคลื่อนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง โดยตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (14 ก.ย.65) เขื่อนเจ้าพระยาจะเริ่มทยอยปรับเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันไดในอัตรา 1,800-2,000 ลบ.ม./วินาที ซึ่งพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันที่เคยท่วมเดิมอาจได้รับผลกระทบ พร้อมยืนยันว่าปริมาณน้ำดังกล่าวจะไม่ลงไปกระทบพื้นที่ กทม.อย่างแน่นอน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ