
ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เดินหน้าสานต่อพันธกิจของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เพื่อพัฒนาสู่สถาบันการแพทย์ที่สร้างสรรค์สุขภาวะแก่ประชาชน สร้างสรรค์องค์ความรู้ใหม่ๆ ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้นด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม หลังจากที่สามารถพิสูจน์ได้ถึงการเป็นศูนย์กลางด้านวิชาการแพทย์ที่มีความโดดเด่น หรือ Academic Hub และภารกิจที่สำคัญคือ การนำพาโรงพยาบาลศิริราชไปสู่การเป็นต้นแบบของ "Smart Hospital"
ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดี คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงแนวทางการต่อยอดและเป้าหมายสูงสุดของการเป็นต้นแบบของ Smart Hospital ว่า โรงพยาบาลศิริราชมุ่งหวังที่จะดูแลผู้ป่วยให้ได้รับการบริการที่มีประสิทธิภาพที่สุดและเกิดปัญหาน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาจากการรักษาพยาบาล การรอคอย ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น เพิ่มความพึงพอใจให้กับประชาชนผู้รับบริการ ที่สำคัญคือลดค่าใช้จ่ายในการมาหาหมอ นำเทคโนโลยีมาส่งเสริมให้เกิดการนำนวัตกรรมดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ

คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการเป็น Smart Hospital นอกจากเทคโนโลยีที่ทันสมัย สิ่งสำคัญคือบุคลากรต้องมีความเข้าใจในนวัตกรรม มีทักษะการใช้เครื่องไม้เครื่องมือ ซึ่งต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่เป็นนักศึกษาแพทย์ ซึ่งศิริราชมีความพร้อมทั้งระบบการศึกษา อาจารย์ที่เชี่ยวชาญ รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่จะสนับสนุนให้เกิดขึ้น โดยจัดพื้นที่ที่เรียกว่า "Smart Digital Hub" ให้นักเรียนนักศึกษา ประชาชน รวมถึงบุคลการของศิริราช ได้เข้ามาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อร่วมกันสร้างนวัตกรรม
"Siriraj Smart Hospital ในระยะแรกเรามีต้นแบบประมาณ 9 เรื่องพื้นฐาน และกำลังจะขยับไปในระยะที่ 2 เรามี Siriraj Data Plus เป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการบริหารระบบโรงพยาบาลทั้งหมด สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ประกอบกับความสามารถของ AI เข้ามาดีไซน์จุดที่ต้องการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็น ทรัพยากรบุคคล การเงิน การคลัง พัสดุทรัพย์สินโรงพยาบาล เป็นการบริหารจัดการที่นำข้อมูลดิบมาจัดการให้เกิดประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่าย ลดเวลา ลดขั้นตอน เพิ่มความพึงพอใจให้กับผู้รับบริการ ซึ่งผมเชื่อมั่นจะเป็นต้นแบบให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศได้ในอนาคต"ศ.นพ.อภิชาติ กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ผมอยากทำคือการเสริมศักยภาพ สร้างนวัตกรรมในการดูแลรักษาพยาบาล และสมานความเป็นต้นแบบในระดับนานาชาติเพื่อให้คนไทยของเรามีความสุขและให้ชาวศิริราชทุกคนมีความสุขที่ได้ทำงานที่นี่เช่นเดียวกัน นี่คือสิ่งที่ผมตั้งใจจะทำให้ได้ในระยะเวลา 4 ปีข้างหน้า
ทางด้าน ศ.คลินิก นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่า ในฐานะโรงเรียนแพทย์เก่าแก่ ศิริราชมุ่งมั่นที่จะพัฒนาวิธีการรักษาที่ดีที่สุด ด้วยสรรพกำลังที่มีความพร้อม เราจะเปลี่ยนตัวเองเป็นโรงพยาบาลที่เป็นต้นแบบในรูปแบบการรักษาพยาบาล โดยใช้คำว่า Smart เป็นหลักคิด โจทย์ของศิริราชคือ ความแออัด การเข้าไม่ถึงบริการ ตั้งต้นจากข้อมูลของผู้ป่วยที่มารับบริการที่ศิริราช เฉลี่ยปีละ 3 ล้านครั้ง และเพิ่มจำนวนขึ้นทุกปี ปีละ 1% เนื่องจากโรงพยาบาลมีความแออัด โดยพบว่าผู้ป่วยหนึ่งรายจะมารับบริการที่ศิริราชเฉลี่ยคนละ 5 ครั้งต่อปี ขณะที่บางรายมาโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น เป็นความไม่สมดุลของการรับบริการและการให้บริการ จึงเป็นที่มาของการทำโครงการ Smart Hospital โดยนำเทคโนโลยีมาออกแบบระบบการให้บริการเพื่อลดปัญหาความแออัด และเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา แก้ปัญหาโดยใช้คนไข้เป็นศูนย์กลาง ทำให้คนไข้เข้าถึงการรักษาที่เหมาะสม ในเวลาที่เหมาะสม ในสถานที่เหมาะสม ในราคาที่คุ้มค่าเหมาะสม และทำให้เกิดความพึงพอใจมากที่สุด
ศ.คลินิก นพ.วิศิษฎ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า การทำ Smart Hospital อย่างแรกต้องทำให้เกิดการเข้าถึงที่ดีขึ้น (Smart Access) ในที่นี้หมายถึงเข้าถึงเมื่อจำเป็นต้องเข้าถึงได้ สองระบบการรับบริการที่ราบรื่น ไม่ต้องรอ หรือรอคอยน้อยที่สุด (Smart Operation) สามข้อมูลต้องทั่วถึงทั้งผู้ให้และผู้รับบริการ (Smart Information) ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการรักษาพยาบาลหรือข้อมูลเรื่องของโรคต่างๆ เรื่องถัดมาคือคนของศิริราชก็ต้องสมาร์ท (Smart People) บุคลากรในศิริริราชต้องใช้เครื่องไม้เครื่องมือเป็นและต่อยอดข้อมูลได้