"ไข้เลือดออก" ครองแชมป์โรคระบาดในไทยปี 66 มีโอกาสเป็นซ้ำได้

ข่าวทั่วไป Tuesday January 16, 2024 18:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กรมควบคุมโรค เผยสถานการณ์โรคติดต่อที่มีการระบาดในไทยปี 2566 ที่ผ่านมา โดยจากสถิติ ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. - 13 ธ.ค. 66 พบมีการระบาด และมีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกมากที่สุดเป็นอันดับ 1 รวม 147,412 ราย อัตราป่วย 222.91 ต่อประชากรแสนคน ผู้ป่วยสูงกว่าปีที่ผ่านมา 3.4 เท่า กระจายทั่วประเทศ และพบผู้ป่วยเสียชีวิตที่ได้รับการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ รวม 174 รายจาก 57 จังหวัด อัตราป่วยตาย 0.12% โดยอัตราป่วยตายสูงสุดในกลุ่มอายุ 25 - 34 ปี ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง และภาวะอ้วน

พญ.จิตรฟ้า หรูรุ่งโรจน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยว ศูนย์วัคซีนและเวชศาสตร์การเดินทาง โรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวว่า โรคไข้เลือดออก เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ชื่อว่า เชื้อไวรัสเดงกี (dengue virus; DENV) ซึ่งมี 4 สายพันธุ์ ได้แก่ Dengue 1 (DEN1), Dengue 2 (DEN2), Dengue 3 (DEN3), และ Dengue 4 (DEN4) ซึ่งหากมีการติดเชื้อสายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งแล้ว ร่างกายจะมีภูมิกันต่อเชื้อไวรัสเดงกีสายพันธุ์นั้นไปตลอดชีวิต แต่จะไม่มีภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์อื่น ๆ

ดังนั้น ผู้ป่วยสามารถติดเชื้อสายพันธุ์อื่น ๆ และป่วยเป็นไข้เลือดออกได้มากกว่า 1 ครั้ง หากมีการติดเชื้อสายพันธุ์อื่นอีกภายหลัง ซึ่งความรุนแรงของอาการป่วย มีความแตกต่างกันออกไปตามสายพันธุ์ที่มีการติดเชื้อ

ทั้งนี้ สามารถพบการติดเชื้อและป่วยเป็นไข้เลือดออกได้ทุกช่วงอายุ ตั้งแต่เด็กเล็ก พบมากที่สุดจะช่วงอายุ 5-14 ปี ไปจนถึงผู้สูงอายุ และในช่วง 20 ปีหลังมานี้ แนวโน้มการติดเชื้อไข้เลือดออกในวัยรุ่นและผู้ใหญ่มีมากขึ้น และอันตรายมากขึ้น

สำหรับประเทศไทย พบการระบาดทั้ง 4 สายพันธุ์ดังที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งจะหมุนเวียนสลับกันไปแล้วแต่ช่วงเวลา แต่สายพันธุ์ที่ 1 และ 2 เป็นสายพันธุ์ที่พบมากที่สุด การติดเชื้อครั้งแรกส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรง และร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์นั้นไปตลอดชีวิต แต่การติดเชื้อครั้งที่ 2 ที่เป็นการติดเชื้อจากสายพันธุ์ที่ต่างไปจากการติดเชื้อครั้งแรก อาจมีอาการรุนแรงมากขึ้น

*อาการโรคไข้เลือดออก

ในช่วงเริ่มต้นมักจะมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ไข้สูงเกิน 38.5 องศา, ปวดศีรษะ, ปวดกระบอกตา, ปวดเมื่อยตัว, คลื่นไส้ อาเจียน และอาจมีจุดเลือดออกตามแขน ขา ลำตัว ผู้ป่วยบางรายมีเลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน ซึ่งอาการของไข้เลือดออกในวันที่ 3-7 ของการป่วย อาจมีอาการรุนแรงขึ้น ถึงขั้นเลือดออกผิดปกติรุนแรง เกิดภาวะช็อกและอาจเสียชีวิตได้

*วัคซีนป้องกันไข้เลือดออก

ปัจจุบัน มีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในประเทศไทยแล้ว 2 ชนิด ซึ่งสามารถป้องกันเชื้อเดงกี(dengue virus; DENV) ได้ทั้ง 4 สายพันธุ์

  • ชนิดแรก (Dengvaxia) เริ่มมีใช้ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2560 เป็นวัคซีนเชื้อเป็น ป้องกันสายพันธุ์ที่ 3 และ 4 ได้ดี แต่ป้องกันสายพันธุ์ที่ 1 และ 2 ได้ปานกลาง มีประสิทธิภาพในการป้องกันไข้เลือดออก 65% และป้องกันการนอนโรงพยาบาลได้ 80% โดยฉีดจำนวน 3 เข็ม แต่ละเข็มห่างกัน 6 เดือน สามารถฉีดได้ในผู้ที่มีอายุ 6-45 ปี ที่เคยป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกมาก่อนเท่านั้น เนื่องจากพบว่าหากฉีดในคนที่ไม่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาก่อน มีความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงเพิ่มขึ้น
  • ชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นวัคซีนชนิดใหม่ (QDenga) มีการใช้แล้วใน 16 ประเทศทั่วโลก ได้รับการขึ้นทะเบียนให้สามารถใช้ในประเทศไทยได้ในปี 2566 เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็น สามารถป้องกันสายพันธุ์ที่ 1 และ 2 ได้ดี ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่พบมากและเป็นส่วนใหญ่ของประเทศไทย โดยฉีดจำนวน 2 เข็ม เว้นระยะห่างจากเข็มแรก 3 เดือน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ